สปอยล์ Alchemy of Souls ตอนที่ 4
หลังจากที่จางอุกถูกเฆี่ยนและฝึกการควบคุมการหายใจ ทำให้กระแสพลังในตัวของเขาเริ่มไหลเวียนและรู้สึกราวกับคนเป็นไข้ มูด็อกจึงขอให้เขาอดทนไว้เพราะมันอาจจะทำให้เขาร้อนราวกับกองเพลิงหรือหนาวราวกับก้อนน้ำแข็ง เพื่อให้พลังนั้นเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์
ลูกศิษย์ของซงริมคนหนึ่งมีสภาพศพแข็งเป็นหิน เพราะถูกผู้แปรวิญญาณดูดพลังไปเพื่อเติมเต็มพลังที่รั่วไหลออกไป เขากำลังจะได้รับตำแหน่งเป็นผู้บันทึกกลุ่มดาวที่ชอนบูกวัน พัคจินจึงสั่งให้ซอยุลและพัคดังกูไปคอยเฝ้าดูที่ละแวกนั้นหากว่ามีอะไรน่าสงสัย
อาจารย์อีใช้เวทเข้าไปที่ตระกูลจิน เพื่อนำวิญญาณของสุนัขซับซาลีออกจากหินสลักควีกูและไปสิงที่สุนัขอีกตัวหนึ่งเพื่อตามหาผู้แปรวิญญาณ
ซอยุล ดังกูและจินโชยอนกำลังไปเยี่ยมจางอุกหลังจากที่เขาถูกเฆี่ยนอย่างหนัก ขณะที่องค์รัชทายาทโกวอนต้องการไปทวงดาบของนักซูและดาบของจางกังกลับคืน แต่จางอุกให้เพียงดาบของนักซูและต้องการเก็บรักษาดาบของจางกังผู้เป็นพ่อเอาไว้ พวกเขาจึงประลองกัน เมื่อมูด็อกเห็นว่าจางอุกไม่สามารถสู้ฝีมือขององค์รัชทายาทได้ นางจึงเข้าไปขัดจังหวะด้วยการสาดน้ำอุจจาระจนทำให้พระองค์กริ้วมากและชี้ดาบไปที่นาง จางอุกจึงคว้าดาบของพ่อมาต่อสู้กับองค์รัชทายาทจนดาบของพระองค์หัก แต่จางอุกไม่สามารถควบคุมแขนของตัวเองได้เพราะกระแสพลังที่ไหลเวียนผิดปกติที่แขนข้างนั้น ทำให้เขากวัดแกว่งดาบไปทั่ว เมื่อเพื่อนทั้งสามคนมาถึงและเห็นเหตุการณ์ จินโชยอนจึงเสกกำไลเวทมนต์มัดที่ข้อมือของจางอุกเพื่อสยบพลังนั้น
จางอุกสวมกอดมูด็อกด้วยความดีใจที่ตนเองสามารถดึงดาบของพ่อได้แล้ว จากนั้นพวกเขาและเพื่อนทั้งสามจึงไปที่ซงริมขณะที่จินมูและจินโฮกยองอยู่ที่นั่นด้วยเพื่อปรึกษาเรื่องควีกูที่หายไป จางอุกดึงดาบให้พัคจินเห็นเพื่อให้ยอมรับเขาเข้าสำนักซงริม แต่พัคจินขอให้จางอุกถือดาบอีกครั้งโดยปลดกำไลที่มัดข้อมือออก จางอุกไม่สามารถควบคุมแขนของตนเองได้จึงทำให้พัคจินได้รับบาดเจ็บ จินโชยอนเผลอชื่นชมจางอุกโดยบอกว่าเพิ่งประลองกับองค์รัชทายาทและเป็นฝ่ายชนะ จินมูไม่พอใจและถือว่าเป็นการดูหมิ่นราชวงศ์และเขาจะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปแน่ พัคจินจึงสั่งให้ขังจางอุกไว้ที่ห้องลับในสำนักซงริมเพราะเป็นคนอันตรายที่ไม่สามารถควบคุมดาบได้ ก่อนที่จินมูและลูกน้องคนสนิทกิลจูจะกลับไป พวกเขาหันไปมองมูด็อกและคิดอะไรบางอย่าง
พัคจินได้รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างจางอุกกับองค์รัชทายาทโกวอน เขาจึงเกลี้ยกล่อมให้จางอุกหันไปเอาดีทางด้านอื่นโดยใช้ความฉลาดหลักแหลมที่มีอยู่ แต่จางอุกต้องการเป็นหัวหน้าสำนักชอนบูกวันแทนพ่อให้ได้ เพื่อลบคำสบประมาทของคนที่กล่าวหาว่าเขาไม่ใช่ลูกของจางกัง พัคจินจึงบอกจางอุกว่าเขาไม่สามารถเป็นหัวหน้าสำนักได้เพราะเขาไม่ใช่ลูกของจางกังแต่เป็นลูกของชู้และแม่ของเขา พัคจินอยากให้จางอุกใช้ชีวิตเป็นนายน้อยของตระกูลจางต่อไป จางอุกเสียใจกับเรื่องที่ได้รับรู้จนไม่แตะต้องอาหารหรือทำอะไรทั้งสิ้นแม้กระทั่งการฝึก แม้ว่ามูด็อกไม่พอใจแต่นางก็รู้สึกกังวล
กิลจูได้รับข้อมูลว่าป้ายหินแกะสลักเป็นของจางอุกที่มูด็อกขโมยไป และนางก็เข้าออกที่สำนักชวีซอนรูบ่อยๆ กิลจูกำลังสงสัยว่านักซูอยู่ในร่างของมูด็อกซึ่งเขาได้พบนางสองครั้งทั้งที่โรงเตี๊ยมขณะซื้อป้ายหินและที่สำนักซงริม
จินมูเสียหน้าที่องค์รัชทายาทพ่ายแพ้ต่อจางอุกและเขาต้องการลงโทษจางอุกด้วยการตัดแขนที่เล็งดาบไปที่องค์รัชทายาท ท่านหมอฮอยอมพยายามประนีประนอมจนกระทั่งมูด็อกเป็นพยานว่าการประลองครั้งนั้นเป็นการประลองที่ชอบธรรมต่อทั้งสองฝ่าย ไม่เช่นนั้นก็ให้พวกเขาประลองกันอีกครั้ง จินมูเห็นด้วยกับความคิดนี้แต่จะไม่มีการรับผิดชอบหากใครตายระหว่างการประลอง ถึงอย่างไรท่านหมอฮอยอมก็แน่ใจว่าการประลองครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้นแน่นอนเพราะมีประเพณีว่าราชวงศ์กับตระกูลจอมเวทจะไม่ประลองฝีมือกันเอง จินมูเกลี้ยกล่อมองค์รัชทายาทจนสำเร็จเพื่อให้ประลองครั้งนี้โดยอ้างว่าเป็นการแสดงให้ซงริมได้เห็นว่าพระองค์ทรงแข็งแกร่งเพียงใด
ดังกูและซอยุลเป็นห่วงว่าจางอุกต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และจะต้องถูกตัดแขน พวกเขาจึงขอให้จางอุกและมูด็อกหนีไปก่อน กษัตริย์โกซุนยื่นขำขาดว่าหากจางอุกไม่มาที่ลานประลองในวันที่กำหนดกลางเดือนหน้า เขาก็จะไม่มีสิทธิ์รับตำแหน่งหัวหน้าสำนักชอนบูกวันแทนจางกังผู้เป็นพ่อ
ดังกูและซอยุลเข้าใจว่ามูด็อกจะพาไปหลบอยู่ที่ซารีบ้านเกิดของนาง แต่พวกเขาไม่รู้ว่านางกำลังพาจางอุกไปฝึกวิชาที่ดันฮยังกกซึ่งเคยเป็นที่กบดานของนักซู