สปอยล์ The Crowned Clown ตอนที่ 14

14

ระหว่างที่ราชเลขาอีเดินทางไปรับพระสัสสุระ ฮาซอนไปหาพระมเหสีและไปที่ทะเลด้วยกัน มเหสีไม่เคยเห็นท้องทะเลและทิวทัศน์เช่นนี้มาก่อน ฮาซอนดีใจที่ได้พาพระมเหสีมาพักแม้จะเป็นเพียงแค่สิ่งเล็กๆที่ทำให้พระนางได้ ฮาซอนได้สัญญากับพระมเหสีว่าจะกลับมาที่นี่อีกครั้งในหน้าหนาวตามที่พระมเหสีต้องการและจะปั้นตุ๊กตาหิมะด้วย ระหว่างทางกลับ ทั้งคู่เดินผ่านต้นบ๊วยสองต้นที่ลำต้นโค้งเข้าหากัน ตามตำนานถ้าหากคู่รักเดินลอดตันไม้นี้พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกัน ฮาซอนยื่นมือออกไปและถามพระมเหสีว่าอยากอยู่กับเขาตลอดไปหรือไม่ พระมเหสียื่นมือให้ฮาซอนและพยักหน้าตอบตกลงและเดินลอดต้นไม้ไปด้วยกัน ฮาซอนบอกกับพระมเหสีว่าหากพระนางทรงทุกข์ใจเศร้าใจได้โปรดแบ่งปันกับเขา จะได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน พระมเหสีทรงสัญญากับฮาซอน ก่อนทั้งคู่จะจุมพิตกัน

แต่เมื่อทั้งสองพระองค์กลับมาถึงพระราชวัง กลับต้องได้รับข่าวร้ายนั่นคือพระสัสสุระถูกสังหาร และคิดว่าพระพันปีจะต้องอยู่เบื้องหลัง ฮาซอนและราชเลขาอีจึงพยายามหาหลักฐานเพื่อทำให้พระพันปีสารภาพออกมา

ราชเลขาอีให้องครักษ์บุกเข้าไปหาหลักฐานที่ตำหนักขององค์ชายจินพยอง หากไม่เจอหลักฐานใดก็จงสร้างหลักฐานขึ้นมาเพื่อจับองค์ชายจินพยอง แต่องค์ชายก็หนีไปได้ และขุนนางก็ไม่ช่วยเรื่องที่จะปลดพระพันปี

ใต้เท้าชินขอให้เจ้าหน้าที่ทูลฝ่าบาทว่ามีเรื่องจะทูลเกี่ยวกับองค์ชายจินพยอง ใต้เท้าชินจึงบอกฮาซอนว่าราชเลขาอีเป็นคนสังหารฝ่าบาทตัวจริง และบอกให้ฮาซอนระวังตัวว่าหากวันใดที่ฮาซอนต่อต้านไม่ยอมทำตามที่ราชเลขาอีต้องการเขาก็ไม่ปล่อยฮาซอนไว้แน่ ใต้เท้าชินจึงยื่นข้อเสนอกับฮาซอนว่าถ้าหากฮาซอนเลือกอยู่ฝ่ายเขา เขาจะทำให้ฮาซอนได้นั่งบนบัลลังก์และได้อำนาจที่แท้จริง

ราชเลขาอีวางแผนกับฮาซอน โดยที่ราชเลขาอีไปเข้าเฝ้าพระพันปีพูดถึงเรื่ององค์ชายกยองอิน พูดถึงอาหารมื้อสุดท้ายที่พระองค์ทรงเสวยก่อนจะสิ้นพระชนม์ นั่นทำให้พระพันปีทรงกริ้ว จนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่และพูดออกมาว่าเป็นคนสั่งฆ่าใต้เท้ายู และนั่นทำให้พระนางโดนสั่งปลดทันที พระนางทรงประกาศกร้าวว่าพระนางขอสาบานต่อหลุมศพลูกชายว่าจะตัดแขนขาฝ่าบาทเป็นชิ้นๆแล้วโปรยทั่วแผ่นดิน ให้พวกวัวควายกินจนไม่เหลือซาก จะเฝ้าดูวิญญาณของฝ่าบาทดิ่งลงขุมนรกและต้องทนทุกข์ทรมานชั่วกัปชั่วกัลป์

ฮาซอนมีคำถามมากมายต่อราชเลขาอี เลขาอียอมพูดความจริงทั้งหมดทั้งเรื่องที่สังหารฝ่าบาท และองค์ชายกยองอินรวมถึงสร้างหลักฐานเพื่อจับองค์ชายจินพยอง ราชเลขาอีจึงยื่นใบลาออกกับฮาซอน ฮาซอนกลับคิดว่าราชเลขาต้องแบกรับเรื่องทุกอย่างเช่นนี้ เขาเข้าใจดีว่าว่าราชเลขาต้องโดดเดี่ยวเพียงใด และรู้ว่าสิ่งที่ราชเลขาอีทำนั้นเพื่อช่วยเขาทั้งสิ้น และฉีกใบลาออกทิ้ง และบอกให้ราชเลขาอีทรงอยู่เคียงข้างเขา เพื่อให้เขาเป็นพระราชาที่แท้จริง ราชเลขาอีได้รู้แล้วว่าฮาซอนได้สอนให้เขารู้ถึงคำว่าเชื่อใจ ราชเลขาอีก้มลงคำนับฝ่าบาทและทูลจ่อพระองค์ว่าจะเชื่อใจและรับใช้พระองค์และโปรดให้อภัยเขา ฮาซอนก้มลงรับคำขอโทษของราชเลขาอี


และเมื่อพระพันปีถูกปลดเป็นที่เรียบร้อย และเพราะสงครามระหว่างหมิงกับไอซิง กูรุงใกล้เข้ามาแล้ว ราชเลขาอีขอลาออกจากตำแหน่งราชเลขาเพื่อไปทำให้พื้นที่ชายแดนสงบ
ใต้เท้าอีชวนอุนชินไปที่ชายแดนด้วยกัน อุนชิมตอบตกลง

องค์ชายจินพยองพร้อมเคลื่อนพล พร้อมกำลังทหาร 3,000 นาย ไปยังพระราชวัง และส่งข้อความไปยังชินชีซูคำว่า "แหกคุก"

ในขณะที่ฮาซอนอยู่กับพระมเหสี พระมเหสีทรงพูดให้กำลังใจฝ่าบาทและบอกว่าจะอยู่เคียงข้างพระองค์ หากพระองค์ต้องการหนี พระนางก็พร้อมจะหนีไปกับพระองค์ หากพระองค์ยืนยันที่จะอยู่ พระนางก็จะอยู่เคียงข้างพระองค์ ฝ่าบาทจึงทรงให้พระมเหสีช่วยงานราชกิจ

ราชเลขาอีได้รับแจ้งว่าสารลับที่เขาฝากส่งไปได้หายไป เพราะมีกลุ่มชายลึกลับลอบทำร้ายและเอาไปและรู้ว่าสารลับนั้นตกไปอยู่กับชินชีซู ราชเลขาอีจึงไปที่คุกเพื่อไปหาชินชีซูและถามว่าสาส์นลับอยู่ที่ใดแต่ทันใดนั้นก็มีกลุ่มคน เอาดาบมาจ่อคอเขา และช่วยชินชีซู ราชเลขาอีถูกจับตัวไว้ ชินชีซูเอาดาบมาจ่อที่คอของราชเลขาอี

และแล้วองค์ชายจินพยองก็เคลื่อนกำลังพลมาถึงพระราชวัง...