สปอยล์ The Crowned Clown ตอนที่ 16

16

ก่อนสิ้นใจราชเลขาอีทูลฝ่าบาทว่าเมื่อเขาตายแล้วให้นำร่างของเขาแขวนเอาไว้ที่ประตู ให้ราษฎรได้เห็นว่าฝ่าบาททรงลงโทษอาชญากรตามกฎหมายฝ่าบาทไม่เห็นด้วย เพราะพระองค์ไม่เคยคิดว่าราชเลขาอีคือกบฎ ราชเลขาอีคือข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของพระองค์ ราชเลขาอีดีใจที่ได้ยินคำพูดเช่นนั้นจากพระองค์ก่อนจะสิ้นใจในอ้อมแขนของพระองค์

ในขณะที่สถานการณ์ที่ชายแดนกำลังน่าเป็นห่วง ในราชวังก็ยังไม่คลี่คลายและยังมีทัพกบฎอยู่ องครักษ์จางทูลแนะนำฝ่าบาทให้นายพลคังมาปกป้องฝ่าบาทที่ราชวัง แต่ฝ่าบาททรงยืนยันให้นายพลคังปกป้องชายแดนไว้ ฝ่าบาททรงยืนยันที่จะไม่หนีเอาตัวรอดออกจากราชวัง

ฝ่าบาททรงวางแผนและต้อนใต้เท้าชินเข้ามาในราชวัง และปิดประตูวังให้กองทัพของเขาอยู่ด้านนอกและให้องครักษ์จางพร้อมกองทัพของพระองค์ จัดการกับทัพกบฎจนราบคาบใต้เท้าชินจนมุม ใต้เท้าชินต่อรองฝ่าบาทว่าหากพระองค์ไว้ชีวิตเขา เขาจะนำพระเศียร์ของพระพันปีมาถวายกับพระองค์ ฝ่าบาทไม่รับคำขอโทษและไม่ให้อภัยใต้เท้าชินอีกต่อไป พระองค์แทงดาบปลิดชีวิตเขาด้วยน้ำมือของพระองค์เอง

ฝ่าบาททรงส่งจดหมายถึงพระพันปีให้พระนางเสด็จมาที่ราชวังตอนเช้าวันรุ่งขึ้น และบอกว่าจะมอบตราประทับให้พระนาง หากพระนางจะไม่ทรงเอาผิดคนของพระองค์ และฝ่าบาทจะทรงยอมสารภาพผิด แต่เมื่อพระนางมาถึง ฝ่าบาทยืนยันว่าพระองค์ไม่ได้มีความผิดและไม่มีเรื่องต้องสารภาพผิด และที่ฝ่าบาททูลเชิญพระพันปีมาก็เพื่อดำเนินขั้นตอนสุดท้ายในการปลดพระนาง และให้พระนางเสวยยาพิษ

ฝ่าบาททรงเจ็บปวดพระทัยว่ากว่าผู้ใด การที่ต้องสูญเสียคนที่รักใกล้ชิดหรือแม้แต่ต้องปลิดชีวิตผู้อื่น มือที่ต้องเปื้อนเลือดแต่ทั้งหมดนั้นเพื่อปกป้องประชาชน พระมเหสีคอยอยู่เคียงข้างพระองค์ และทรงทูลต่อพระองค์ว่าพระนางอยู่ข้างพระองค์เสมอ

หลังจากนั้นบ้านเมืองก็กลับมาสงบสุข
ฝ่าบาททรงงานอย่างหนัก จนพระพลานามัยทรุดโทรม
กฎหมายเรื่องภาษีข้าวได้ถูกประกาศใช้อย่างเป็นทางการหลายจังหวัดแล้ว
เหล่าขุนนางต่างทูลต่อฝ่าบาทให้พระองค์รับพระสนมเพื่อจะได้มีพระโอรสมาสืบทอดบัลลังก์ อีกทั้งพระมเหสีก็ทรงเห็นด้วยกับเล่าขุนนาง แต่ฝ่าบาททรงยืนยันต่อพระมเหสีว่าพระองค์ไม่คิดจะมีพระสนม และไม่ได้คิดว่าจะต้องมีสายเลือดมาสืบบังลังก์ พระองค์ทรงมีผู้สืบทอดอยู่ในใจแล้ว นั่นก็คือองค์ชายกีซอง และพระองค์ทรงมั่นใจว่าองค์ชายกีซองจะเป็นพระราชาที่ปกป้องและดูราษฎรอย่างดี

พระองค์เองคือสามัญชนคนธรรมดา พระองค์อยากจะกลับไปใช้ชีวิตธรรมดา
พระมเหสีจึงทูลขอให้พระองค์ทรงถอดยศพระนาง และพระนางจะเสด็จออกจากวังและไปรอพระองค์ที่นอกวัง
พระมเหสีทรงถูกถอดยศและเสด็จไปรอฝ่าบาทที่หมู่บ้านต้นบอนไซนอกวัง ฝ่าบาททรงสัญญาว่าหากเสร็จราชกิจพระองค์จะเสด็จตามไป

ฝ่าบาททรงสละราชบัลลังก์ให้องค์ชายกีซอง และเตรียมตัวออกนอกวัง ขันทีโจทูลขอตามเสด็จไปด้วย แต่ฝ่าบาททรงปฎิเสธและขอให้ขันทีโจอยู่ดูแลพระราชาต่อไปและพระองค์ทรงเลื่อนตำแหน่งให้ขันทีโจเอาไว้แล้ว ขันทีโจมอบภาพวาดให้กับพระองค์
และทูลต่อพระองค์ว่า พระองค์เปรียบเหมือนดวงอาทิตย์ที่ทรงสาดแสงเหนือทุกคนอย่างเท่าเทียมและประทานพลังให้แก่ทุกชีวิต และการที่ได้รับใช้พระองค์นั้นถือเป็นพรอันล้ำค่าของชีวิตเขา และจะไม่มีวันลืมพระองค์เลย ฝ่าบาทขอบคุณขันทีโจสำหรับทุกอย่างที่เขาทำให้พระองค์

ฝ่าบาทสละราชบัลลังก์ และเสด็จออกจากราชวังเพียงลำพัง แต่องครักษ์จางขอตามเสด็จไปด้วย แต่แล้วมีกลุ่มคนร้ายตามฝ่าบาทเพื่อมาแก้แค้นให้พระพันปี ฝ่าบาทถูกศรธนูยิงเข้าที่หลัง 2 ดอก องครักษ์จางต่อสู้เพื่อปกป้องฝ่าบาทจนนาทีสุดท้ายก่อนจะสิ้นใจ

วันเวลาผ่านไป 2 ปี
ลุงกัปซูแสดงละครเป็นตัวตลก และมีดัลแรอยู่ด้วย
อุนชิมละทิ้งทุกอย่างและออกเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ
องค์รักษ์ที่รายงานพระมเหสีว่าพบศพองครักษ์จาง แต่ไม่พบพระศพของฝ่าบาท พระมเหสีก็ยังเฝ้ารอฮาซอนอยู่วันแล้ววันเล่า พระมเหสีเจอเด็กๆ สองคนคุยกันและอธิษฐานขอพรจากโทแกบี พระมเหสีจึงเข้าไปถามเด็กว่าใครเป็นคนสอนให้เด็กๆขอพรจากโกแทบี เด็กๆจึงบอกว่ามีชายคนนึงสอนพวกเขาเมื่อครู่และเดินไปทางโน้น พระมเหสีจึงเดินไปตามทางที่เด็กๆบอก

และแล้วฝ่าบาทก็ได้มาปรากฎตัวต่อหน้าพระมเหสี ถึงจะเป็นเวลาที่ยาวนานแต่ต้องเฝ้ารอกันและกันแต่แล้ววันนี้ วันที่ทั้งคู่ได้มาอยู่ตรงหน้ากันอีกคราวและสัญญาต่อกันว่าจะไม่แยกจากกันอีกต่อไป...
จบบริบูรณ์