สปอยล์ Flower of Evil ตอนที่ 10

10

ในฤดูใบไม้ผลิปี 2008 ขณะที่ฮยอนซูกำลังทำงานอยู่นั้น จีวอนวิ่งมาบอกข่าวดีกับเขาด้วยความตื่นเต้นและดีใจว่า เธอสอบติดตำรวจแล้ว ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของเธอตั้งแต่เด็ก

-----------------------------------------------------
ประธานยอมซังชอลตกลงที่จะทำธุรกิจกับฮยอนซู และบอกว่าฮยอนซูต้องเชื่อใจเขา มากกว่าที่เขาเชื่อใจฮยอนซู จากนั้นเขาก็ให้ฮยอนซูเลือกเหยื่อในคลิปที่ถูกมัดและขังไว้ แต่ถ้าจะเอาเหยื่อรายอื่นก็ต้องใช้เวลาอีกหลายวัน ฮยอนซูตัดสินใจเลือกเด็กคิมอินซอซึ่งประธานยอมตั้งมูลค่าไว้ที่สิบล้านวอน แต่ฮยอนซูเพิ่มให้อีกเป็นร้อยล้าน เพื่อขอชื่อและรูปผู้สมรู้ร่วมคิดของโทมินซอกด้วย

ประธานยอมให้โทรศัพท์แบบใช้แล้วทิ้งเพื่อใช้ติดต่อกับฮยอนซู โดยมีกฎว่า ห้ามพกอุปกรณ์สื่อสารเวลาที่พบกันเพื่อทำข้อตกลง และขอตรวจสอบเงินก่อน หลังจากนั้นแล้ว ให้ไปรับของในสถานที่ที่เขากำหนด และฮยอนซูจะได้รับรูปของผู้สมรู้ร่วมคิดเมื่อประธานยอมได้รับเงินแล้ว

โทแฮซูยืนมองมูจินที่กำลังเปลี่ยนหลอดไฟในห้องให้เธอ และยังซื้อโคมไฟพร้อมทั้งน้ำมันอโรม่าเพื่อให้เธอนอนหลับได้ง่ายขึ้น แฮซูไม่เข้าใจว่ามูจินทำอย่างนี้เพื่ออะไร ทั้งที่เขาทิ้งเธอไปแล้วตั้งแต่สมัยเรียนในขณะที่เธอต้องการเขาในเวลานั้น แต่มูจินบอกว่า ตอนนี้เขาคือคนที่เข้าใจเธอที่สุด และไม่ได้ต้องการให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าไม่อยากเห็นเธอรับมือกับทุกอย่างตามลำพัง

จีวอนดูจีพีเอสและสงสัยว่าสามีของเธอไปทำอะไรที่ย่านแจริม ฮยอนซูโทรกลับหาจีวอนและนัดพบกันที่สวนสาธารณะหน้าสถานี ขณะที่จีวอนนั่งรออยู่นั้น โทแฮซูตัดสินใจโทรบอกจีวอนว่า ฮยอนซูไม่ใช่คนร้ายที่ฆ่าหัวหน้าหมู่บ้าน และเธอก็รู้จักคนร้ายตัวจริง แต่ขอให้เธอได้ทำในสิ่งที่ต้องทำซะก่อน แล้วเธอจะเล่าความจริงทุกอย่างให้จีวอนฟัง ฮยอนซูรีบวิ่งมาหาจีวอนด้วยรอยยิ้ม เพื่อให้ทันเวลาที่เธอกำหนดไว้ภายในหนึ่งชั่วโมง จีวอนสำนึกได้ว่าตอนนี้ฮยอนซูคงมีแค่เธอเท่านั้น จากนั้นเธอก็บอกว่าเรื่องที่เธอบอกเลิกและหมดรักแล้วนั้น เธอไม่ได้หมายความตามนั้น เพียงแต่สลับร่างกับเขาแค่วันเดียวเพราะอยากให้เขารู้ว่าเธอรักเขามากแค่ไหน เมื่อเธอสวมกอดเขา ฮยอนซูจึงถามว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธอ

หัวหน้ายุนไม่เชื่ออูชอลเมื่อเขารายงานว่า แก๊งค้ามนุษย์เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง เพราะยังไม่มีหลักฐาน และหากฮวังจองซุนตายไป ก็จะหาคนที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้ อิมโฮจุนโทรบอกสายสืบชเวถึงอาการของฮวังจองซุนว่า ผ่าตัดเสร็จแล้วแต่ต้องรอให้พ้นคืนนี้ไปก่อน จู่ๆป้าโอบ๊กจาก็โทรมาบอกสายสืบชเวว่าเธอพบอะไรบางอย่างหล่นอยู่ใต้ตู้ในบ้านของเธอ ซึ่งเธอไม่รู้ว่ามันคือเครื่องบันทึกเสียงของมูจิน ที่ทำตกไว้ตอนที่โดนพัคคยองชุนทำร้าย

จีวอนเล่าให้สามีฟังว่า เธอมั่นใจตัวเองเกินไป เพราะไม่คิดว่าฮวังจองซุนจะหนีออกไปได้ ขณะที่ถูกทิ้งไว้อยู่คนเดียว ทำให้เธอไม่กล้าสู้หน้าเพื่อนร่วมงานในสถานี จีวอนบอกว่าเธอทำต่อไปไม่ไหวแล้ว และเสนอความคิดให้สามีเป็นฝ่ายหาเลี้ยงครอบครัว เพราะอีกหน่อยอึนฮาก็จะเข้าโรงเรียนแล้ว เธอจึงมีความคิดที่จะส่งลูกไปเรียนนอกเมือง เมื่อเธอทำคดีนี้เสร็จแล้ว เธอตั้งใจจะเลี้ยงอึนฮาในที่ที่เงียบสงบและอากาศบริสุทธิ์ ฮยอนซูฟังจีวอนด้วยสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่หยิบป้ายตำรวจที่คอของเธอขึ้นมาดูและพูดว่า ตอนที่เธอแขวนมันครั้งแรก เขายังจำสีหน้าของเธอได้ แต่จีวอนบอกว่าไม่เป็นไรหรอก เพราะมันไม่สนุกแล้ว ฮยอนซูรู้สึกว่าวันนี้จีวอนทำตัวแปลกๆ

ฮยอนซูเข้าไปหาอึนฮาที่กำลังหลับ เขาขอโทษลูกและบอกว่าพ่อต้องไปแล้ว จากนั้นก็ออกมานั่งรอโทรศัพท์จากประธานยอมซังชอลซึ่งนัดว่าจะโทรมาหาตอนเที่ยงคืน ประธานยอมบอกว่าจะเริ่มซื้อขายพรุ่งนี้ตอนเที่ยงคืน แต่ให้นำเงินสดจำนวนร้อยล้านวอนไปให้เขาก่อน ฮยอนซูจึงโทรหาแบคมันอูเพื่อขอเงิน ในขณะที่แบคฮีซองกำลังร้องไห้อ้อนวอนพ่อเพื่อขอชื่อและตัวตนของเขากลับคืนจากโทฮยอนซู หลังจากที่ได้เห็นรูปครอบครัว

แบคมันอูตกใจเมื่อฮยอนซูบอกว่า เขาคิดว่าหาตัวผู้สมรู้ร่วมคิดได้ เพราะได้เจอกับคนที่รู้เรื่องนี้ จึงจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล แบคมันอูจึงนัดให้ฮยอนซูไปพบเขาที่โรงพยาบาลในวันพรุ่งนี้

แบคฮีซองขอร้องพ่ออีกครั้ง เพื่อไปพบโทฮยอนซู เพราะคิดว่าโทฮยอนซูต้องเห็นใจเขาแน่ๆ แต่แบคมันอูบอกว่าไม่ได้เด็ดขาด เพราะหากโทฮยอนซูรู้ว่าฮีซองฟื้นแล้ว ก็จะต้องคิดว่าฮีซองคือเสี้ยนหนามของเขา แบคฮีซองสงสัยว่าพ่อของเขามีแผนอะไร
ฮยอนซูเห็นแหวนแต่งงานที่นิ้วของจีวอนขณะที่เธอยังไม่ตื่น เขาเข้าไปฝึกยิ้มในห้องน้ำเหมือนเดิม แต่เกิดอาการแน่นหน้าอกและทรุดลง เมื่อออกจากห้องน้ำจึงเห็นจีวอนรีบออกไปทำงานโดยบอกว่าฮวังจองซุนเสียชีวิตแล้ว เขาแปลกใจที่เธอไม่ถามว่าเมื่อวานเขาไปไหน แต่เธอบอกว่ายินดีรับฟังเสมอเมื่อเขาพร้อมจะบอก ฮยอนซูไม่อยากให้เธอกังวลและบอกว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย เมื่อจีวอนออกไปแล้ว ฮยอนซูก็ถอดแหวนแต่งงานออก

ในการแถลงการณ์ข่าวการรื้อคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง หัวหน้ายุนซังพิลโดนสื่อกดดันเรื่องแผนการล่อซื้อ จนทำให้ฮวังจองซุนเสียชีวิต จีวอนตรวจสอบบัญชีธนาคารแล้วพบว่า ฮวังจองซุนโอนเงินให้บ้านพักคนชราเป็นรายเดือน เพราะแม่ของเธอเป็นโรคสมองเสื่อม สายสืบชเวบอกว่าเมื่อวานนี้ฮวังจองซุนไปที่แขวงแจริม ทำให้จีวอนฉุกคิด ส่วนตัวเขาเองไปที่หมู่บ้านคากยอง

จีวอนอึ้งไปชั่วขณะหลังจากได้รับโทรศัพท์จากชายลึกลับที่อ้างว่าชื่อโทฮยอนซู แจ้งว่ามีข้อมูลสำคัญคดีฆาตกรมต่อเนื่อง สายสืบชเวจึงพูดสายต่อ ฮยอนซูบอกว่าจะช่วยจับผู้สมรู้ร่วมคิด หัวหน้าอูชอลจึงเริ่มทำการบันทึกเสียงและขอให้ฮยอนซูเปิดลำโพง ฮยอนซูขอสัญญาจากหัวหน้าอูชอล ขอให้เรื่องนี้รู้กันแค่เฉพาะสายสืบสี่คนที่กำลังนั่งฟังอยู่เท่านั้น และตัวเขาเองก็บันทึกเสียงการคุยด้วยเช่นกัน ฮยอนซูบอกว่าเขามีข้อมูลของแก๊งค้ามนุษย์ที่ขายคนให้กับโทมินซอกและผู้สมรู้ร่วมคิด และคืนนี้เขาจะทำข้อตกลงกับแก๊งนี้ ซึ่งเขาจะได้เหยื่อที่เลือกไว้หนึ่งคนและข้อมูลของผู้สมรู้ร่วมคิด เขาจะเปิดโอกาสให้ตำรวจบุกเข้าไปในที่เกิดเหตุระหว่างทำการซื้อขาย แต่ฮยอนซูวางเงื่อนไขว่า ขอให้ตำรวจสัญญาด้วยเกียรติว่าจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องตัวตนของเขา และข้อมูลทุกอย่างที่ได้รับวันนี้ต้องถูกทำลายเมื่อปิดคดี

เมื่อสายสืบชเวยังไม่ค่อยเชื่อฮยอนซูเท่าไรนัก เพราะเขาหนีคดีมายี่สิบปี จู่ๆก็โทรมาบอกเบาะแสคดี ฮยอนซูจึงบอกว่าตัวเขาอยากพิสูจน์ว่าไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิดของโทมินซอก จีวอนฟังอยู่ด้วยความไม่สบายใจจึงบอกฮยอนซุให้บอกข้อมูลของคนที่ขายมนุษย์ก่อน เพื่อยืนยันให้แน่ใจแล้วจึงทำตามแผนที่เขาบอก ฮยอนซูจึงบอกชื่อของประธานยอมซังชอล และขอให้ลงมืออย่างระมัดระวัง เพราะหากยอมซังชอลรู้ตัว เหยื่อทุกคนก็จะต้องตาย รวมทั้งตัวเขาเองด้วย

จีวอนรู้สึกเป็นกังวลและห่วงสามีของเธอ จึงรีบโทรหาเขาและวางแผนให้เขามารับไปกินข้าวมื้อค่ำด้วยกันที่ร้านโปรดของเธอ แต่ฮยอนซูบอกว่าคืนนี้เขาจะไม่กลับบ้านโดยอ้างว่าต้องไปงานศพพ่อของหุ้นส่วนธุรกิจ จีวอนรู้แผนการของฮยอนซูอยู่แล้ว เธอจึงขอร้องไม่ให้เขาไป โดยบอกว่าเมื่อคืนเธอฝันร้าย แต่ฮยอนซูยังคงยืนกรานที่จะไปและบอกกับเธอว่า เขาอยากเป็นคนที่ดีพอสำหรับเธอ จีวอนจึงบอกว่าจะดทรหาเขาอีกทีตอนสี่ทุ่ม

กงมีจาพาแบคฮีซองนั่งรถเข็นมารับลมหน้าบ้าน เมื่อแม่บ้านเขียนบอกฮีซองว่าจะนำชามาเสิร์ฟ เขาจึงถามแม่ว่าแม่บ้านรู้มากแค่ไหน กงมีจาบอกลูกว่าตั้งใจจ้างคนที่อ่านปากไม่เป็นและเซ็นสัญญารักษาความลับ ต่อให้เธอรู้อะไรก็ไม่สามารถบอกใครได้ แบคฮีซองบอกแม่ว่าเมื่อวันก่อนเขาตั้งใจไปหาผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุซะก่อน เขาก็คงได้พบกับผู้หญิงคนนั้นและโชคชะตาของทุกคนก็คงจะต่างออกไป

โทแฮซูไปเข้ารับการสะกดจิตตามลำพัง โดยนักบำบัดขอให้เริ่มจากงานศพของพ่อเธอ เมื่อเธอได้กลับเข้าไปในงานศพแล้ว แฮซูเห็นเล็บของเขาสั้นกุดในขณะที่เขียนเบอร์โทรศัพท์ลงบนแขนของเธอ เขาสวมสายรัดข้อมือสีเขียวซึ่งเธอเคยเห็นมาก่อน ผู้สมรู้ร่วมคิดผู้นั้นมองหน้าเธอแบบพินิจพิจารณาเหมือนอยากจะจดจำไว้ แฮซูรู้สึกหวาดกลัวมากจนขอให้นักบำบัดพาเธอออกไปจากภวังค์นั้น เธอบอกหมอว่าเขาผู้นั้นต้องการฆ่าเธอ แต่นักบำบัดบอกว่าเหตุการณ์นั้นมันผ่านมาสิบแปดปีแล้ว และตอนนี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยดี นักบำบัดเป็นห่วงแฮซูไม่อยากให้ขับรถกลับตามลำพัง จึงถือวิสาสะรับสายที่มูจินโทรเข้ามา ในขณะที่เธอขอตัวออกไปนอกห้องสักครู่

ตำรวจหาข้อมูลของยอมซังชอลและพบว่า เขาเคยติดคุกสิบปีข้อหาพยายามฆ่าและวางเพลิง ต่อมาได้รับการปล่อยตัวโดยมีข้อแม้ว่าต้องทำงานอาสาสมัคร เขาจึงไปทำงานที่คลินิกจิตเวชเด็ก ซึ่งเป็นที่ที่โทฮยอนซูเคยได้รับการบำบัด ทำให้ยอมซังชอลได้รู้จักกับโทมินซอก ฮวังจองซุนเป็นพนักงานของยอมซังชอลเมื่อเขาเปิดบริษัทจัดหางาน จีวอนเริ่มกังวลเมื่อรู้ว่าสายสืบชเวมีแผนจะจับโทฮยอนซูด้วย

ก่อนไปพบฮยอนซู มูจินขับรถไปรับโทแฮซูหลังจากรับการสะกดจิต เธอบอกว่าจะเปลี่ยนหมอ เพราะไม่ไว้ใจที่หมอรับโทรศัพท์ของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต

อิมโฮจุนแปลกใจที่สายสืบชเววางแผนจะหลอกโทฮยอนซู ทั้งที่รับปากว่าจะปกป้องเขา แต่สายสืบชเวบอกว่าไม่มีเหตุผลที่ตำรวจจะปกป้องฆาตกร เพราะเขาต้องการจับโทฮยอนซู สายสืบชเววางแผนที่จะหลอกคุยกับโทฮยอนซูเรื่อยๆ เพื่อให้เขาหลุดปากเรื่องที่อยู่ จากนั้นก็เก็บดีเอ็นเอของชายอายุประมาณ 30-40 บริเวณนั้นมาตรวจเพื่อเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอของโทแฮซูซึ่งเป็นพี่สาว

ฮยอนซูบอกพี่แฮซูและมูจินว่า เขาโทรแจ้งตำรวจแล้ว และตำรวจสัญญาว่าจะปกป้องเขา มูจินไม่เห็นด้วยและแฮซูก็ไม่เชื่อใจตำรวจ เธอกลัวว่าน้องชายจะโดนหักหลัง ฮยอนซูมีแผนสอง และขอให้คิมมูจินช่วย แต่ไม่ให้พี่แฮซุมีส่วนร่วมเพราะอารมณ์ของเธอไม่คงที่ และอาจจะหลุดอีกเหมือนคราวก่อนที่คุยกับจีวอน ฮยอนซูกลัวว่าแผนทั้งหมดจะพัง

จีวอนโทรเข้าเครื่องที่ประธานยอมให้ฮยอนซูไว้ เพื่อบอกว่าตำรวจเชื่อข้อมูลที่เขาให้ไว้ ฮยอนซูจึงสรุปให้ฟังว่าข้อตกลงจะมีการติดต่อสองครั้ง การติดต่อครั้งแรก เป็นการส่งเงินให้ยอมซังชอล เมื่อได้รับเงินแล้ว เขาก็จะได้รับข้อมูลเรื่องสถานที่นัดพบ จากนั้นเขาจะไปรับตัวเหยื่อในการนัดพบครั้งที่สอง แต่หากการติต่อครั้งแรกมีปัญหา ก้จะไม่มีการติดต่อครั้ที่สอง ซึ่งตำรวจจะเสียโอกาสในการบุกค้นแก๊งค้ามนุษย์ ฮยอนซูบอกว่าเขาจะทำการติดต่อครั้งแรกให้สำเร็จ และตำรวจต้องรับผิดชอบเรื่องการติดต่อครั้งที่สอง เพราะนี่คือวิธีเดียวที่จะจับเครือข่ายของยอมซังชอลได้ ฮยอนซูไม่หลงกลตำรวจเมื่อพวกเขาขอให้บอกสถานที่นัดครั้งแรก โดยอ้างจะไปช่วยปกป้องเขา เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จนกระทั่งจีวอนขอให้เขาเชื่อใจ แต่กระนั้นฮยอนซูก็ยังคงปฏิเสธที่จะพบตำรวจ และขอให้พวกเขาช่วยคนที่ถูกลักพาตัวไปก็พอ

ประธานยอมไปที่บาร์ เพื่อเช็กอาการของเหยื่อแต่ละคน บาร์เทนเดอร์ยืนยันว่าฮวังจองซุนเสียชีวิตแล้ว ยอมซังชอลสั่งให้พาเหยื่อที่เหลือลงเรือ เพราะต้องเก็บตัวสักพักหลังจากเสร็จงานนี้แล้ว เมื่อยอมซังชอลดูรูปของผู้สมรู้ร่วมคิดที่สมุนนำมาให้ เขาบอกว่าคนในรูปเคยสนิทกับโทมินซอกมากจนตัวแทบจะติดกัน แต่ว่าตอนนี้ไม่โผล่หัวมาเลย

แบคมันอูมอบเงินจำนวนนั้นให้ฮยอนซู และกังวลว่าหากเงินนี้แก้ปัญหาไม่ได้ มันอาจจะทำให้เรื่องแย่ลงไปอีก มันอูเสนอเงินให้ฮยอนซูอีกสิบเท่าเพื่อขอให้เขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และไม่ต้องห่วงเรื่องครอบครัวเพราะเขาจะจัดการทุกอย่างให้เอง แต่ฮยอนซูปฏิเสธโดยบอกว่าไม่อยากฝากครอบครัวไว้กับคนที่เป็นเหมือนกับเขา ซึ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง

หัวหน้ายุนซังพิลขอความมั่นใจจากอีอูชอล เมื่อเขาขอกำลังเสริมโดยไม่บอกว่าใครเป็นผู้แจ้งข้อมูล แต่ต้องการจับยอมซังชอลให้ได้เพื่อคลี่คลายคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง

จีวอนเป็นกังวลอย่างมากเมื่อเวลาใกล้เข้ามาทุกที เธอจึงโทรเข้าเครื่องที่ประธานยอมให้ฮยอนซูไว้ เพื่อถามถึงเจ้าของเสียงที่อยู่ในเทปซึ่งโทฮยอนซูเก็บไว้ในกระเป๋าใบนั้น เขาตอบว่าเป็นเสียงของแม่ที่มอบให้เขาก่อนที่จะหายตัวไปในปี 1977 หลังจากที่พ่อแจ้งความแล้ว ตำรวจก็ยึดของของแม่ไปหมด เขาจึงเหลือเพียงเทปเสียงของแม่เท่านั้น ฮยอนซูยังบอกจีวอนอีกว่า จิตแพทย์วินิจฉัยว่าเขาขาดความเห็นอกเห็นใจไร้ความรู้สึกทางอารมณ์และไม่รู้จักความรัก ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมยังยึดติดอยู่จนกระทั่งนานขนาดนี้ แต่สิ่งหนึ่งก็คือเขาไม่อยากโกหกเธอ จีวอนรู้อยู่แก่ใจว่ากำลังคุยกับสามีตัวเองที่เป็นตัวตนของโทฮยอนซู เธอจึงบอกเขาว่าอย่าเป็นอะไรนะ ก่อนที่จะวางสาย ฮยอนซูเพิ่งนึกออกว่า จีวอนบอกไว้ว่าจะโทรหาเขาตอนสี่ทุ่มซึ่งก็คือเวลานี้พอดี


จีวอนโทรไปต่อว่านักบำบัดที่เคยรักษาฮยอนซู ซึ่งตอนนั้นเธอเป็นคนเดียวที่จะช่วยฮยอนซูได้ และสัมภาษณ์เขาหลังจากที่แม่หายตัวไป แต่นักบำบัดคนนั้นกลับมองข้ามเรื่องนี้และสรุปว่าเขาเกิดการกระตุ้นรุนแรงและก้าวร้าวทุกครั้งที่ฟังเทปเสียงนั้น

สายสืบชเวไปรับเครื่องบันทึกเสียงของมูจินที่ส่งซ่อม และได้รู้ว่าวันก่อนจีวอนก็นำเทปอื่นมาให้หัวหน้าคิมวิเคราะห์เหมือนกัน ในเทปของมูจิน นอกจากเป็นการบันทึกเสียงตอนที่ไปสมภาษณ์โกแอยองแม่ของเด็กคิมอินซอแล้ว ยังมีเสียงการสนทนาของมูจินและฮยอนซูด้วย ในระหว่างที่พวกเขากำลังไปหมู่บ้านคากยองเพื่อจะเอารูป มูจินถามฮยอนซูว่ากลายเป็นแบคฮีซองแลหลอกชาจีวอนได้อย่างไร ตอนนี้สายสืบชเวเข้าใจเหตุผลแล้วว่า ทำไมชาจีวอนจึงคอยปกป้องโทฮยอนซูทุกครั้ง

แฮซูหาข้อมูลสายรัดข้อมือสีเขียวซึ่งเธอเห็นตอนสะกดจิต เธอพบว่าเป็นของหน่วยแพทย์อาสาโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอิลชินเมื่อปี 2019

หัวหน้าอูชอลกำลังประชุมทีมสอง และสรุปว่าเหยื่อส่วนมากของยอมซังชอล เป็นคนไม่มีครอบครัวหรือไม่ก็หนีออกจากบ้าน จึงไม่ค่อยมีใครแจ้งคนหา จู่ๆสายสืบชเวก็เข้ามาลากจีวอนออกไปคุยข้างนอก และบอกว่าเธอไม่สมควรอยู่ที่นี่ ทุกคนจึงตามออกไป สายสืบชเวต่อว่าที่จีวอนรู้ทุกอย่างแต่โกหกและหลอกใช้ทุกคนเพื่อให้ทำตามแผนของตัวเอง