สปอยล์ Flower of Evil ตอนที่ 13

13

ย้อนไปในปลายฤดูร้อนปี 1997 แบคฮีซองมีอาการภาวะซึมเศร้าจากความเครียดในการเรียน เขาโยนก้อนอิฐจากดาดฟ้าลงมาโดนลูกหมาตาย และนั่นคือการพบกันครั้งแรกระหว่างเขาและโทมินซอกซึ่งอยู่ที่โรงเรียนกับโทฮยอนซู โทมินซอกรู้ว่าเป็นฝีมือของแบคฮีซอง จึงบอกว่าเขาไม่รู้จักเล่นสนุกเพราะยังไม่เคยเจอคนประเภทเดียวกัน และที่ผ่านมาก็คงโดดเดี่ยวน่าดู

กงมีจาบ่นว่าเหนื่อยและอยากพักผ่อน จึงขอให้ฮยอนซูและจีวอนกลับไปก่อน แต่ในที่สุดเธอก็ต้องยอมเปิดประตูให้พวกเขา เมื่อจีวอนบอกว่าเธอรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ แบคมันอูและกงมีจาเข้าใจผิดว่า จีวอนและฮยอนซูมาหาพวกเขา เพราะรู้ความจริงแล้วว่าฮยอนซูใช้ตัวตนของฮีซอง เมื่อจีวอนต้องการคุยต่อหน้าทุกคนรวมทั้งฮีซองด้วย แบคมันอูจึงพาพวกเขาไปหาฮีซองที่ห้อง ซึ่งแกล้งนอนหลับอยู่บนเตียงและใช้เครื่องช่วยหายใจ แบคมันอูเล่าอาการของฮีซองและบอกว่าเขาจะอยู่หรือตายก็ไม่สำคัญแล้ว แต่สัญญาว่าจะให้โทฮยอนซูใช้ตัวตนของแบคฮีซองตลอดไป แต่จีวอนบอกว่าไม่ได้มาเพื่อขอคำสัญญา ฮยอนซูมองนาฬิกาซึ่งใกล้เวลาสี่ทุ่มและบอกว่าใกล้เวลาที่จะรู้แล้วว่าผู้สมรู้ร่วมคิดเป็นใคร ฮีซองซึ่งนอนฟังอยู่ใช้มือจิกที่นอนทันที
 
แบคมันอูอยากให้ฮยอนซูพูดเรื่องเกี่ยวกับผู้สมรู้ร่วมคิด แต่ฮยอนซูยังคงมองนาฬิกาและบอกว่า หากวันนี้เขาไปทำงานที่คาพยองอย่างที่บอก ป่านนี้ก็คงถึงบ้านพักตากอากาศแล้ว แบคมันอูมีสีหน้าเรียบเฉยและแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจว่าฮยอนซูกำลังพูดเรื่องอะไร ฮยอนซูจึงบอกมันอูว่าเขารู้อยู่แก่ใจดี เพราะหากยอมซังชอลไปที่บ้านพักตากอากาศจริงๆ ก็แปลว่าคนที่ให้ข้อมูล ก็คือ ผอ.นั่นเอง จีวอนสมทบโดยบอกว่าตำรวจกำลังรออยู่ที่นั่นแล้ว กงมีจามีอาการวิดตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด ตำรวจไปซุ่มอยู่ที่บ้านพักตากอากาศ เมื่อคนสวนที่ดูแลบ้านขับรถมาถึงพร้อมกรรไกรตัดหญ้าในมือ เขาจึงถูกตำรวจเข้าจับกุมทันที เพราะเข้าใจผิดว่าคือยอมซังชอล

ฮยอนซูคิดสรุปเอาเองว่าแบคมันอูคือผู้สมรู้ร่วมคิด เพราะเหตุการณ์ในวันที่ทำข้อตกลงกับยอมซังชอล มีใครบางคนโทรยื่นข้อเสนอจะจ่ายเงินให้สองเท่าหากยอมซังชอลฆ่าเขา คนเดียวที่รู้ว่าเขาไปหายอมซังชอลและจำนวนเงินที่เขาตกลงจ่ายให้ ก็คือ ผอ.คนที่เตรียมเงินให้เขานั่นเอง และตอนที่ ผอ.สั่งให้ฆ่าพัคคยองชุน ก็เพราะต้องการปกปิดตัวเองเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับฆาตกรต่อเนื่อง แบคมันอูถึงจะโมโหแต่ก็นึกขำอยู่ในใจ ทันใดนั้นเองสายสืบชเวโทรบอกฮยอนซูว่าเขาทำพลาด แบคมันอูต่อว่าฮยอนซูที่สงสัยในตัวเขา และยืนยันว่าเขาไม่ได้ทำ แต่ฮยอนซูมั่นใจว่าแบคมันอูคือคนร้าย เพราะสถานการณ์ทุกอย่างชี้มาที่ตัวเขา กงมีจาซึ่งฟังอยู่นานแล้ว จึงพูดขึ้นมาว่าเธอคือคนที่ฮยอนซูกำลังตามหา ในขณะที่แบคฮีซองลุกขึ้นมาแต่งตัวและบอกตัวเองว่า ต่อไปนี้ฮยอนซูคือหมากบนกระดานที่เขาวางไว้

กงมีจาบอกทุกคนว่าเธอทำความลับหลุดเอง พร้อมทั้งหยิบจดหมายฉบับหนึ่งเพื่อให้จีวอนดู แต่ไฟฟ้าในบ้านเกิดดับกระทันหัน แบคมันอูจึงขอตัวไปเช็คฟิวส์ และได้เห็นลูกชายพร้อมที่จะออกไปจัดการบางอย่าง

ในวันที่แบคมันอูโทรสั่งให้ยอมซังชอลไปฆ่าฮยอนซูที่บ้านพักตากอากาศ แต่แบคฮีซองบอกยอมซังชอลว่าต่อไปนี้ไม่ต้องเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้อีก จากนั้นเขาบอกกับพ่อแม่ว่านี่คือกับดักของโทฮยอนซู เพื่อจะบีบให้พ่อยอมรับทั้งๆ ที่ยังไม่มีหลักฐาน เขาจึงวางแผนไว้ทุกอย่างเพราะรู้ว่าถึงอย่างไรฮยอนซูก็ต้องมาที่บ้าน ฮีซองวางแผนตัดไฟโดยให้แม่ใช้แค่เทียนไข และให้พ่ออ้างว่าไปเช็กแผงไฟ

ระหว่างที่ไฟดับ แบคฮีซองเตรียมออกไปข้างนอก ขณะที่จีวอนใช้แสงไฟจากโทรศัพท์เพื่ออ่านจดหมายลาออกของแม่บ้าน ไม่ว่ากงมีจาจะอ้างเหตุผลสารพัดอย่างไรก็ตาม แต่จีวอนมองว่าไม่สมเหตุสมผล และฮยอนซูก็ต่อว่ากงมีจาที่กำลังเข้าข้าง ผอ. และเธอต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ระหว่างที่กงมีจาลุกไปจุดเทียนไขตามแผนของแบคฮีซอง จีวอนบอกสามีว่าเธอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล ทันใดนั้นกงมีจาก็ส่งเสียงร้องในความมืดเพราะแกล้งทำของตก ฮยอนซูจึงลุกไปช่วย เธอบอกว่าที่ผ่านมาเธอคิดว่าฮยอนซูคือครอบครัวของเธอ ฮยอนซูจึงบอกว่าไม่ว่าเธอจะคิดกับเขาอย่างไร เขาก็ไม่เคยสงสัยในความรู้สึกที่เธอมีให้เขา จากนั้นไฟฟ้าก็ติด จีวอนจึงบอกให้กงมีจาเข้าไปดูลูกชาย เพราะเป็นห่วงที่เขานอนป่วยโดยใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมด ผอ. แบคมันอูเดินออกมาและบอกว่าเขาใช้แบตสำรองไว้ ซึ่งอยู่ได้หกชั่วโมง

หลังจากที่แบคฮีซองนำเส้นผมจากศพแม่บ้านมาโรยไว้ในรถของฮยอนซูแล้ว เขานำศพแม่บ้านไปฝังไว้ที่กลางป่า

โทแฮซูกำลังนั่งมองสร้อยคอที่มูจินมอบให้ และนึกถึงคำพูดของเขาที่แอบชอบเธอตั้งแต่ ป.4 เมื่อได้ยินเสียงบางอย่างจึงเปิดประตูออกมาดู เธอเห็นก้นบุหรี่และรอยนิ้วมือที่หน้าต่างห้อง

ขณะที่ขับรถกลับ จีวอนอยากให้ฮยอนซูวางมือซะตั้งแต่ตอนนี้เพราะไม่อยากให้สร้างศัตรู และปล่อยให้ตำรวจจัดการเรื่องนี้เอง ไม่ว่าแบคมันอูจะเป็นคนร้ายหรือไม่ก็ตาม ถึงอย่างไรเขาก็คงโกรธแค้นฮยอนซู แต่ฮยอนซูอยากไปพบแม่บ้านเพราะอยากรู้ว่าเขารู้อะไรมากน้อยแค่ไหน แต่จีวอนไม่เห็นด้วย ฮยอนซูจึงบอกว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้ไปไกลกว่านี้อีกแล้ว เพราะผู้สมรู้ร่วมคิดที่ฆ่าคนเข้ามาในชีวิตของเขา และเขากลัวว่าสักวันหนึ่งจีวอนและอึนฮาจะตกอยู่ในอันตราย จีวอนจึงปลอบใจเขาด้วยการบอกสถิติที่ยอดเยี่ยมในการจับคนร้าย และหากจับยอมซังชอลได้ ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นเพราะเขาเป็นทั้งพยานและหลักฐาน

ยอมซังชอลขับรถไปที่ รพ.จิตเวชหมู่บ้านโซรก เพื่อไปรับตัวจองมีซุกออกมา โดยใช้เส้นสายกับลูกน้องเก่าที่เป็นเจ้าหน้าที่ที่นั่น ซังชอลมอบนาฬิกาให้เป็นของตอบแทนและบอกว่าผู้หญิงคนนี้คือหลักประกันของเขา

ในเวลา 02.30 น. แบคฮีซองโทรไปขู่โทฮยอนซู โดยอ้างว่าเป็นแฟนคลับผลงานของเขาและรู้เรื่องของชาจีวอนและอึนฮาเป็นอย่างดี ฮยอนซูเริ่มกังวลเพราะไม่รู้ว่าชายคนนี้เป็นใคร เมื่อเช็คเบอร์โทรและรู้ว่าเป็นตู้สาธารณะที่สี่แยกมัคมุน ฮยอนซูจึงขับรถไปดู แต่ว่าไม่พบใคร จึงโทรหาเจ้าของรถที่จอดอยู่บริเวณนั้นเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด แต่เธอบอกว่าตอนนี้ไม่อยู่ที่โซลและกำลังพักร้อนอยู่ ฮยอนซูเดินไปดูที่ตู้โทรศัพท์ซึ่งมีคนเขียนไว้ว่าเล่นซ่อนหา

เช้าวันต่อม ฮยอนซูพยายามนึกถึงเสียงของชายลึกลับคนนั้นกับเสียงที่เคยโทรขู่พยานจางยองฮี จีวอนแปลกใจที่อึนฮาถามพ่อว่าเมื่อคืนออกไปไหน แต่ฮยอนซูยังไม่ทันได้บอก จีวอนก็ต้องรีบออกไปเพราะได้รับสายด่วนว่ามีคนพบศพแม่บ้านถูกฝังอยู่ในป่า หลังจากที่จีวอนไปแล้ว ฮยอนซูย้ำกับอึนฮาไม่ให้คุยหรือไปไหนกับคนแปลกหน้าเด็ดขาด

จีวอนตามสายสืบชเวไปยังที่พบศพซึ่งมีสมุดบันทึกถูกฝังอยู่ข้างๆ ซึ่งตำรวจพิสูจน์ได้ว่าเป็นจดหมายที่เหยื่อใช้คุยกับคุณนายและ ผอ. ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร

แฮซูบอกน้องชายว่าแบคมันอูอาจไม่ใช่คนร้ายก็ได้ เพราะขณะที่ฮยอนซูไปพบ ผอ.เมื่อคืนนี้ ได้มีคนร้ายมาแอบดูเธอที่บ้าน แต่เธอไม่ได้แจ้งตำรวจเพราะยังไม่เกิดเหตุอะไร ฮยอนซูจึงเล่าว่าเมื่อคืนนี้เขาก็ได้รับโทรศัพท์แปลกๆ ซึ่งไม่ใช่แบคมันอู แต่นึกถึงเสียงของผู้สมรู้ร่วมคิดในเทปของมูจิน มูจินได้รับแจ้งว่ามีคนพบศพซึ่งเล็บมือหายไป จึงแวะมาบอกฮยอนซู

เจ้าหน้าที่นำรายชื่ออาสาสมัครตั้งแต่ปี 1999-2002 มาให้ ผอ.แบค ขณะที่เขากำลังนั่งดูข่าวคนพบศพแม่บ้าน เมื่อสายสืบชเวโทรบอกจีวอนว่าพัคซุนยองคือแม่บ้านของ ผอ.แบค พ่อสามีของเธอ ทำให้จีวอนฉุกคิดถึงเรื่องที่สามีของเธอออกไปข้างนอกเมื่อคืนนี้ จากนั้นเธอก็รีบขับรถกลับบ้านทันที

ฮยอนซูไม่แน่ใจว่าสายที่เขาได้รับเมื่อคืนนี้เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดหรือไม่ แฮซูไม่เข้าใจว่าเรื่องมันผ่านมาสิบแปดปีแล้ว ทำไมจู่ๆ คนร้ายก็โผล่มา มูจินจึงบอกว่าฆาตกรต่อเนื่องไม่มีวันที่จะหยุดฆ่าคนไปเฉยๆ นอกเสียจากติดคุกหรือก่อนหน้านี้อยู่ในสภาพที่ออกไปฆ่าคนไม่ได้ ฮยอนซูจึงให้มูจินหารายชื่อนักโทษที่ติดคุกในปี 2002 และเพิ่งถูกปล่อยตัวเมื่อไม่นานนี้ ฮยอนซูขอให้แฮซูไปอยู่กับมูจินก่อนเพื่อความปลอดภัย มูจินให้สัญญาว่าจะดูแลและไม่ปล่อยให้เธออยู่คนเดียวตามลำพัง โดยที่เขาจะไปพบยอมซังชอลและใช้เขาเพื่อเข้าหาผู้สมรู้ร่วมคิด โดยมีแผนว่าจะโทรหายอมซังชอล เพราะยอมซังชอลต้องการฆ่าเขาเพื่อเงินอยู่แล้ว และพอเขาอยู่ในที่โล่ง ฮยอนซูก็จะขอความช่วยเหลือจากตำรวจ

เมื่อรับตัวออกจาก รพ.จิตเวชแล้ว ยอมซังชอลพาจองมีซุกไปที่บ้านร้างแห่งนึ่งโดยโกหกว่าเธอจะได้พบกับครอบครัว แต่จองมีซุกจำอะไรไม่ได้เลย นอกจากในคืนเกิดเหตุที่เธอรอดจากเงื้อมมือฆาตกรและเดินไปอย่างทุลักทุเลโดยไม่รู้จุดหมาย จนกระทั่งไปอยู่ รพ.จิตเวช ยอมซังชอลบอกว่าเขาพาเธอมาที่นี่เพราะเงิน และเธอเป็นคนสำคัญสำหรับทุกคน

เมื่อมาถึงบ้าน จีวอนเก็บรอยนิ้วมือบนของใช้ของสามีซึ่งตรงกับเทปที่คนร้ายใช้มัดเหยื่อ เธอจึงโทรบอกให้แม่ไปรับอึนฮาที่โรงเรียน

แบคฮีซองบอกแม่ว่า ตอนนี้พบศพแล้ว หากตำรวจมาที่บ้าน ก็ขอให้แม่ตั้งใจทำให้ดีอย่างที่เคยทำมาตลอด กงมีจารู้ดีว่าฮีซองใช้ลายนิ้วมือของฮยอนซูบนเทป ตอนที่เขาช่วยเธอเก็บของในคืนที่ไฟดับ สำหรับแบคฮีซองแล้ว กงมีจาคือแม่ที่เป็นพระเจ้าสำหรับเขา เพราะเธอให้กำเนิด ทำให้เขาตายและฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง

ฮยอนซูตัดสินใจโทรหายอมซังชอล แต่เขาไปเข้าห้องน้ำ จองมีซุกจึงรับสายแทน เธอแนะนำตัวเองและถามฮยอนซูว่าเป็นครอบครัวของเธอหรือเปล่า ฮยอนซูจำชื่อนี้ได้จึงพยายามถามว่าเธออยู่ที่ไหน จองมีซุกบอกได้เพียงว่าเป็นที่ที่มีต้นไม้เยอะแยะ เพราะยอมซังชอลแย่งโทรศัพท์จากเธอและปิดเครื่องทันที

ฮยอนซูแปลกใจที่จีวอนรู้ว่าเมื่อคืนนี้เขาไปที่เขตมัคมุน เธอจึงบอกเขาว่าตำรวจพบศพแม่บ้านและรอยนิ้วมือบนเทปที่มัดเหยื่อก็เป็นของเขา

ก่อนหน้านี้ กงมีจาได้ปลอมตัวเป็นแม่บ้านโดยใช้ผ้าพันคอผืนเดียวกันและเรียกแท็กซี่ออกไปในตอนค่ำ เพื่อให้มีภาพปรากฏในกล้องวงจรปิด ตามแผนของแบคฮีซอง
แบคฮีซองแอบฟังอยู่ในห้อง ขณะที่สายสืบชเวสอบปากคำกงมีจา เธอบอกว่าแม่บ้านออกจากบ้านประมาณหนึ่งทุ่มเพราะไม่สบาย เธอจึงเรียกแท็กซี่ให้ เมื่อสายสืบชเวให้ดูจดหมายที่พัคซุนยองเขียนไว้ เธอยอมรับว่าหมายถึงตัวเธอ สายสืบชเวแน่ใจว่ากงมีจาต้องรู้ตัวคนร้าย เธอจึงบอกเขาว่า มีเพียงคนเดียวเท่านั้น

สายสืบชเวไม่สามารถติดต่อจีวอนได้ จึงโทรหาอิมโฮจุน หัวหน้าอูชอลสงสัยมานานว่าสายสืบชเวและจีวอนมีอะไรปิดบังเขา สายสืบชเวจึงบอกว่าสามีของจีวอนก็คือโทฮยอนซู

เมื่อฮยอนซูบอกว่าเขาไม่ได้เป็นคนทำ จีวอนจึงขอให้เขาไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ เพราะตอนนี้เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัย เธอจึงขอใส่กุญแจมือโดยที่ไม่มีหมายจับ
ระหว่างที่ถูกใส่กุญแจมือ ฮยอนซูหันไปมองที่มุมห้องและเห็นภาพหลอนตอนที่พ่อบอกว่ารักแม่ของเขาจริงๆและเชื่อว่าแม่ก็รักพ่อเช่นกัน ต่อมาพ่อบอกว่าความรักของแม่เป็นเพียงภาพลวงตาเพราะแม่ไม่สามารถยอมรับในสิ่งที่พ่อเป็น สุดท้ายแม่ก็ทิ้งลูกและหนีไป พ่อสอนว่าความรักมีเล่ห์เหลี่ยม เพราะทำให้คิดว่าแก้ปัญหาทุกอย่างได้ แต่สุดท้ายก็โดนความรักหักหลัง

และเมื่อใดที่ฮยอนซูเชื่อใจใครสักคนแล้ว นั่นแปลว่าเขากำลังอ่อนแอ จีวอนแปลกใจและเป็นห่วงที่เห็นอาการของสามี เขาถามว่าเธอเชื่อใจเขาหรือเปล่า หรือว่าลึกๆในใจเธอเชื่อว่าเขาสามารถฆ่าคนได้จริงๆ เพราะหากเธอไม่เชื่อใจเขาแล้ว คนอื่นๆก็คงไม่เชื่อ จีวอนรับสายจากชเวแจซอบและบอกว่าเธออยู่กับสามีที่เวิร์กกชอปแล้ว ให้มาได้เลย ฮยอนซูปัดโทรศัพท์ทิ้งและใช้มีดจี้คอเธอ พร้อมทั้งบอกว่าต่อไปนี้เขาจะไม่เชื่อใจใครอีกแล้ว เขาสั่งให้เธอถอดสายที่ต่อกับกล้องวิดีโอทั้งหมด เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงแต่ไม่พบใครแล้ว มีเพียงภาพจากกล้องวงจรปิดตัวเดียวที่เหลืออยู่