สปอยล์ It’s Okay to Not Be Okay ตอนที่ 12

12

คังแทลงมาเห็นพี่ซังแทและมุนยองกำลังกินอาหารเช้าและเถียงกันเรื่องชื่อตัวละครในนิทานเรื่องใหม่ ไม่มีใครสนใจฟังว่าวันนี้เขาหยุดงานและชวนทุกคนออกไปเที่ยว คังแทจึงโทรไปหาแจซู และโดนแจซูประชดประชันว่าเขาเป็นตัวเลือกเบอร์3ของคังแท แต่สุดท้ายแจซูก็ชวนคังแทให้ไปกินอาหารที่ร้านของเขา

ประธานอีซื้อเครื่องดื่มบำรุงกำลังมาให้แม่ของจูรี และบอกว่าตนเองจะไปเยี่ยมพ่อแม่ เพราะพวกเขาต้องการให้ไปดูตัวผู้หญิง ซึ่งเป็นกิจกรรมประจำเดือนของครอบครัว ก่อนไปเขาบอกจูรีว่าจะโทรมาหาเธอ

มุนยองรีบขับรถบึ่งไปหาคังแททันที หลังจากที่แจซูส่งข้อความไปบอกว่า สาวๆ ส่งตาหวานให้คังแทและจ้องจะจับเขาราวกับมดรุมตอมน้ำตาล ระหว่างที่คังแทกำลังกินพิซซ่า แจซูเตือนว่าให้ระวังสาวๆ ที่กำลังเล็งเขาอยู่ โดยเฉพาะผู้หญิงโรคจิตที่จะมาจัดการสาวๆ พวกนี้ ทันใดนั้นเองมุนยองก็เข้ามาพอดี และใช้มีดกรีดลงบนจานจนเสียงดัง และหันไปมองสาวๆด้วยสายตาเกรี้ยวกราด เธอบอกให้คังแทรีบกินและไปจากที่นี่
 
ผอ. ยืนยิ้มอย่างมีความสุข ขณะที่มองซังแทกำลังเดินมาและทักทายต้นไม้และเป็ดไก่ เพราะคิดว่าซังแทคงจะงอนและไม่มาอีกแล้ว หัวหน้าพยาบาลให้เหตุผลกับ ผอ.ว่า พัคอ๊กนันคงไม่กลับมาแล้ว เพราะว่าคนไข้ส่วนใหญ่ที่หนีออกจากโรงพยาบาล มักจะไม่ค่อยกลับมา ผอ.จึงสั่งเธอว่า อย่าเพิ่งเก็บเตียงของโกแดฮวานและไม่ต้องติดต่อสถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย เพราะเขาต้องการให้โกแดฮวานได้พักผ่อนที่นี่อย่างสุขสบาย หัวหน้าพยาบาลสงสัยว่าทำไมโกแดฮวานถึงทำร้ายพัคอ๊กนันเมื่อวันก่อน ผอ.คิดว่าโกแดฮวานอาจเกิดภาพซ้อนทับกับภรรยาตัวเอง และนอกจากเกลียดแล้วเขายังกลัวเธออีกด้วย เพราะเธอเคยฆ่าคนตาย แต่หัวหน้าพยาบาลยังไม่คำตอบว่าโดฮีแจเคยฆ่าใคร ซังแทก็เข้ามาซะก่อน

คังแทและมุนยองยังนั่งอยู่ที่ร้านของแจซู เมื่อเห็นเด็กๆ ในร้านกำลังเล่นกันและอ้อนแม่ มุนยองจึงบอกว่าเธอไม่ชอบเด็กและสัตว์เพราะหนวกหูและน่ารำคาญ คุยกันไม่รู้เรื่องและได้แต่อ้อนขอความรัก แต่คังแทกลับคิดว่าเป็นความน่ารักของเด็ก และเวลาอ้อนขอความรักก็ดูน่าสงสารเหมือนกับมุนยอง จู่ๆ เธอก็พูดออกมาว่าจะไม่ยอมมีลูกให้เขา เพราะไม่อยากอิจฉาลูกตัวเอง คังแทจึงบอกให้เธอยื่นหน้ามาใกล้ๆ จากนั้นเขาก็ดีดหน้าผากเธอด้วยความเอ็นดู และบอกว่าไม่ใช่ว่าใครๆ จะเป็นแม่คนได้

ซังแทนั่งอยู่กับ ผอ.ในห้องทำงานด้วยความอึดอัด เพราะไม่มีการพูดคุย เมื่อเขาลุกจะเดินออกไป ผอ.จึงถามว่างอนที่เขาไม่จ่ายค่าจ้างเพราะไม่วาดรูปผีเสื้อใช่ไหม เขาจึงบอกว่าสัญญาไม่ใช่กระดาษทิชชูที่สั่งขี้มูกแล้วก็โยนทิ้ง และอยากให้ ผอ.รักษาสัญญา ผอ. จึงอธิบายว่าเขาอยากให้ซังแทเลิกหนีผีเสื้อสักที เพราะเมื่อพี่หนีทีไร น้องก็พลอยลำบากไปด้วย ซังแทจึงบอก ผอ.ว่า เขาทั้งเกลียดและกลัวผีเสื้อ จากนั้น ผอ.ก็ดึงดูดความสนใจของซังแท โดยบอกว่าในภาษากรีกโบราณเรียกผีเสื้อว่า “ไซคี” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการรักษา และเปรียบเทียบว่าในโลกนี้มีผีเสื้อดีๆมากกว่าผีเสื้อที่น่ากลัว เขาบอกซังแทว่าไม่ต้องรีบร้อนแต่ค่อยๆพยายามรักษาไปด้วยกันทีละนิด ขณะที่ซังแทยังพูดซ้ำว่า”รักษา”

มุนยองตอบคังแทว่านิทานเรื่องใหม่ของเธอ ได้แรงบันดาลใจจากภาพวาดรถบ้านของพี่ซังแท ซึ่งคังแทคือหนุ่มน้อยผู้สูญเสียความเป็นตัวเอง มุนยองคือเจ้าหญิงกระป๋องเปล่าผู้ไร้จิตใจ ส่วนพี่ซังแทคือคุณลุงผู้ถูกขังอยู่ในกล่อง เมื่อสามคนไปเที่ยวด้วยกัน จึงไปเจอคนประหลาดที่บกพร่องกว่าตัวเอง จากนั้นมุนยองก็ไม่เล่าต่อ เพราะกลัวว่าจะเป็นการสปอยล์ คังแทชมว่าเนื้อหาน่าสนุกและหวังว่าเรื่องนี้จะจบอย่างมีความสุข ระหว่างที่เดินซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ต มุนยองบอกคังแทว่าเธอเปลี่ยนใจและชวนเขาให้มีลูกชายด้วยกันสักคน คังแทบอกเธอว่าอย่าคิดไปไกล เธอจึงตะโกนใส่เขาเพื่อขอความร่วมมือในการมีลูก จนทุกคนหันมามองและซุบซิบนินทาคังแท เมื่อกลับถึงบ้าน ขณะที่คังแทกำลังจัดของอยู่ในครัว มุนยองเดินมาโอบที่ด้านหลังและถามว่าเมื่อไรจะนอนห้องเดียวกันสักที เธอไม่ยอมปล่อยคังแทและตะโกนเรียกพี่ซังแท จนคังแทต้องบอกว่าเดี๋ยวจะไปเล่นด้วย

เมื่อจูรีรู้ข่าวว่าหมอควอนกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่เพิ่งไปดูตัวมา ทำให้เธอนึกถึงประธานอีและนั่งรอโทรศัพท์จากเขา จนกระทั่งซึงแจเดินเข้ามาในห้องและแกล้งคุยเรื่องงานกับประธานอีทางโทรศัพท์ จากนั้นจูรีจึงถามว่านอกจากเรื่องงานแล้ว ประธานอีคุยเรื่องอื่นบ้างหรือเปล่า ซึงแจจึงตอบว่าผู้หญิงที่เขาไปดูตัว คล้ายๆ กับซงฮเยกโยซึ่งตรงสเปกของเขา

เมื่อคังแทเห็นพี่ซังแทพูดซ้ำว่า ผีเสื้อคือไซคี ไซคีคือการรักษา ผีเสื้อที่ดีคือการรักษา เขาจึงถามพี่และรู้ว่า ผอ.บอกเขาแบบนั้น พี่ซังแทยังบอกอีกว่า ผอ.ไม่ให้หนีและต้องเผชิญหน้ากับผีเสื้อ น้องชายจะได้ไม่ลำบาก พี่ซังแทไม่ตอบเมื่อคังแทถามว่าจะเผชิญหน้าได้จริงหรือเปล่า แต่เขาให้ความสนใจกับดินสอสีชุดใหม่ที่คังแทเพิ่งซื้อมาให้ คังแทจึงขอตัวไปอาบน้ำ

มุนยองเตรียมจัดที่นอนรอคังแท แต่แล้วก็เปลี่ยนใจว่าจะนอนหนุนแขนของเขาแทนหมอน เมื่อคังแทเดินเข้ามา มุนยองนอนรออยู่บนเตียงและเรียกเขามานอนข้างๆ และกระเซ้าว่าเขารีบร้อนมาหาเธอจนกระทั่งลืมเช็ดผมให้แห้ง คังแทไม่ขึ้นเตียงแต่เรียกเธอมานั่งดื่มไวน์ด้วยกัน เมื่อคังแทเอ่ยปากว่าวันนี้พี่เริ่มไปรับคำปรึกษาจาก ผอ. มุนยองจึงวางเงื่อนไขว่า ห้ามพูดเรื่องพี่ไม่เช่นนั้นต้องดื่มรวดเดียวให้หมด เช่นเดียวกับคังแทมีเงื่อนไขว่าเธอห้ามพูดจาหยาบคายเช่นกัน หลังจากนั้นไม่นานมุนยองเป็นฝ่ายเมาก่อน และดึงคังแทมานั่งกอดข้างๆ เธอบอกว่ารู้สึกดีที่คังแทกับพี่ชายมาอยู่กับเธอที่นี่ เมื่อเห็นมุนยองเมาหลับอยู่ในอ้อมแขนของเขา เขาจึงประคองมุนยองขึ้นมานอนบนเตียงและจูบปากเธอเพื่อบอกฝันดี คังแทเอามังแทใส่มือเธอไว้ก่อนจะเดินออกไป

คังแทลงมาจัดอุปกรณ์เครื่องเขียนให้พี่ และได้พบซองจดหมายที่ใส่ผีเสื้อแห้งและกระดาษโน๊ตเขียนว่า “ฉันจะไปหาเธอแล้ว” ทำให้เขานึกถึงคืนที่พัคอ๊กนันมาที่นี่ในคืนวันเกิดมุนยอง และที่ ผอ.สงสัยว่า เธอไม่น่าจะหนีออกมาเพื่ออวยพรวันเกิดเท่านั้น คังแทนั่งมองลายมือบนกระดาษโน้ตและเริ่มเป็นกังวลเพราะพี่เคยบอกว่าผีเสื้อจะตามมาฆ่า เมื่อไปที่ห้องและเห็นพี่ซังแทหลับแล้ว เขาจึงขยำผีเสื้อทิ้งด้วยอารมณ์ที่กดดัน
 

เช้านี้พี่ซังแททักน้องว่าตาแดงเป็นกระต่าย และบอกว่าวันนี้จะไปรับคำปรึกษาอีก พร้อมทั้งพูดย้ำๆว่า ผีเสื้อไซคีคือการรักษา จากนั้นเขายอมรับกับน้องว่ายังกลัวอยู่ ถ้าผีเสื้อโผล่มา พวกเขาก็ต้องย้ายบ้านอีก คังแทจึงปลอบพี่ว่าจากหนีไปพวกเขาจะไม่หนีอีก เพราะเขาต่อสู้เก่ง ฉะนั้นเวลาพี่กลัว ก็ให้หลบอยู่ข้างหลังเขา แต่พี่ซังแทบอกว่าเขาเป็นพี่และเป็นผู้ใหญ่ ไม่ควรเป็นคนขี้ขลาดที่หลบอยู่ข้างหลังน้อง คังแทจึงบอกว่าไม่เป็นไรหรอก เพราะเขาเองก็หลบอยู่ข้างหลังพี่มาตลอด

หัวหน้าพยาบาลสั่งให้จูรีพาโกแดฮวานออกไปเดินเล่นเพื่อฟื้นฟูการรู้คิด คังแทกำลังยืนเปรียบเทียบลายมือในกระดาษโน้ตที่เขาเก็บไว้ในล็อคเกอร์กับที่เขาพบเมื่อคืน แต่ต้องรีบซ่อนทันทีเมื่อหัวหน้าพยาบาลเดินเข้ามาและแสดงความอยากรู้อยากเห็น จากนั้นเธอสั่งคังแทให้ดูแลความเรียบร้อยชั้นสอง เพราะผู้ดูแลโอชายงลืมมีดโกนหนวดไว้ ซึ่งเป็นวัตถุอันตราย

จูรีพาโกแดฮวานมานั่งเล่นในสวนและถูกถามว่า เขาถูกสวรรค์ลงโทษและใกล้ตายแล้วใช่ไหม จูรีรู้สึกเศร้าใจแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร

ลุงคันพิลองได้รับสิทธิ์ออกไปข้างนอก และได้เจอซังแทกำลังอ่านนิทานบนรถเมล์ ขณะที่กำลังจะไปโรงพยาบาล ซังแทชมว่าวันนี้ลุงใส่เสื้อสวยและดูเด็กลง เมื่อลุงบอกว่าเขาอายุ70แล้ว ซังแทจึงบอกว่าเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเขาเยอะเลย ซังแทบอกลุงว่าเขาไม่ได้ค่าจ้างวาดภาพจาก ผอ. เพราะเขากลัวผีเสื้อจึงไม่ยอมวาดให้ ลุงจึงสอนว่าอย่าติดอยู่ในอดีตไม่งั้นจะเป็นเหมือนลุงที่ออกไปโลกภายนอกไม่ได้ นอกจากอยู่โรงพยาบาลและเปิดประตูออกมาไม่ได้ เสียงเจาะถนนที่เหมือนกับเสียงในสนามรบ ทำให้ลุงคันพิลองเกิดอาการ ซังแทจึงรีบถอดเสื้อและคลุมให้ลุง พร้อมทั้งกอดเขาไว้ และขอให้คนอื่นช่วยโทรเรียกรถโรงพยาบาลจิตเวชรื่นรมย์ ซังแทยังคงเป็นห่วงลุง จึงฝากหนังสือนิทาน”หนุ่มน้อยผู้โตมาด้วยฝันร้าย”ให้ ผอ.นำไปให้ลุงขอยืมอ่าน

ตอนที่ลุงคันพิลองอายุยี่สิบ เขาถูกส่งไปรบที่เวียดนามและได้เจอกับความโหดร้ายมากมาย แม้กระทั่งเด็กเล็กๆ หรือผู้บริสุทธิ์ ต้องถูกฆ่าตายจำนวนมาก ทำให้เขาทนไม่ได้และไม่อยากมีชีวิตอยู่

คังแทดูความเรียบร้อยของห้องผู้ป่วยและพบวัตถุมีคมหลายอย่าง เมื่อเขาเปิดตู้เก็บของของโกแดฮวาน จึงเห็นรูปครอบครัว ซึ่งมุมรูปมีรอยกระจกร้าวบดบังใบหน้าของภรรยา ผอ.ชมเชยซังแทว่า สมกับเป็นพี่ชายที่ดี ไม่เช่นนั้นลุงคันพิลองคงอาการแย่กว่านี้ จากนั้นซังแทจึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้คังแทฟังและบอกว่า ลุงไม่ให้เขาติดอยู่กับอดีต เพราะจะออกมาไม่ได้ตลอดกาลและมองไม่เห็นประตู จงผ่านมันไปให้ได้และจะเป็นเด็กน้อยที่จิตวิญญาณไม่เติบโต แต่ซังแทบอกว่าเขาโตแล้วและเป็นผู้ใหญ่ ต่อไปนี้เขาจะไม่หนีอีก ผอ.ชมว่าเขากล้าหาญมาก และขอให้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับแม่ให้ฟัง

“ในคืนที่เขากำลังเดินกลับบ้านกับแม่ เขาแยกตัวออกไปวิ่งตามหาลูกแมวและเดินกลับไปหาแม่ซึ่งกำลังเดินผ่านอุโมงค์ จากนั้นเขาก็เห็นฆาตกรผู้หญิงใช้ปากกาแทงแม่ และพูดว่า “ลูกของเธอ เธอจัดการเองได้” จากนั้นฆาตกรก็ตรงมาหาเขาและขู่ว่าหากบอกคนอื่น เธอจะตามมาฆ่าเขาด้วยเช่นกัน ฆาตกรติดเข็มกลัดรูปผีเสื้อซึ่งมีผีเสื้อตัวเล็กอีกตัวเกาะอยู่ที่หลัง”

คังแทนึกออกทันทีว่าเข็มกลัดนั้นอยู่บนเสื้อของภรรยาโกแดฮวานที่อยู่ในรูป เขารู้สึกโมโหระคนกับความเสียใจ จึงระบายอารมณ์ด้วยการชกผนัง

มุนยองถามจูรีว่าพ่อของเธอจะตายเมื่อไร จูรีตอบว่าอาจจะวันนี้พรุ่งนี้ก็ได้ จึงขอให้เธอมาหาพ่อและพาเขาเดินเล่นบ้าง ซึ่งมุนยองบอกว่าเธอไม่ต้องการทำเช่นนั้น

ซังแทอยู่ที่ห้องอาหารกับแม่ของจูรี และเล่าเรื่องที่เขาช่วยลุงคันพิลองอย่างภาคภูมิใจ มุนยองเดินเข้ามาหาและชวนเขาไปกินข้าวด้วยกันสามคนกับคังแท แต่ซังแทตักเตือนมุนยองให้ทักทายผู้ใหญ่ก่อน แม่ของจูรีเห็นดังนั้นก็รู้สึกเหมือนพวกเขาเป็นครอบครัว แต่ซังแทบอกว่าไม่ใช่ เพราะนามสกุลไม่เหมือนกัน และไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน มุนยองจึงออกความคิดว่าต้องถ่ายรูปด้วยกันจึงจะเรียกว่าครอบครัวได้

จากนั้นเธอไปตามคังแทซึ่งกำลังทำแผลที่มือ มุนยองเห็นสีหน้าไม่ค่อยดีจึงถามด้วยความเป็นห่วง เขาตอบแค่ว่าเหนื่อย และขอให้เธอกลับบ้านพร้อมพี่ซังแท เพราะคืนนี้เขาต้องอยู่เวรดึก มุนยองดีใจที่พรุ่งนี้เขาจะได้หยุด จึงชวนไปถ่ายรูปครอบครัวด้วยกันสามคน เธอจองสตูดิโอไว้ และจะพาคังแทไปซื้อสูทสวยๆเพื่อใส่ถ่ายรูป แต่คังแทขอเลื่อนเป็นวันอื่นและตะคอกให้เธอกลับไป มุนยองยอมกลับไปด้วยความไม่เข้าใจ จากนั้นคังแทก็ทรุดตัวลงและร้องไห้

ซังแทตื่นเต้นที่จะได้ถ่ายรูป จึงเตรียมหาชุดหล่อและทดลองทำท่าต่างๆ เพื่อให้รูปออกมาดูเท่ มุนยองกำลังนั่งบ่นพึมพำ เพราะไม่เข้าใจว่าคังแทเป็นอะไร หรือว่าเมื่อคืนเธอทำอะไรผิดขณะที่เมา เมื่อแจซูมาส่งพิซซ่าสิบสองกล่องให้มุนยอง เธอจึงถามแจซูว่าคังแทเป็นอะไร แจซูแนะนำว่า ไม่ควรรับรู้สิ่งที่อยู่ในใจคังแท เพราะเขาเป็นคนที่เก็บความรู้สึกเก่งมาก แค่อยู่เคียงข้างและคอยปลอบโยนเขาก็พอ

คังแทนั่งใช้ความคิดอยู่ในห้องเล่านิทาน ซึ่งบนกระดานเขียนไว้ว่า “โรมีโอกับจูเลียต” เขาจึงนึกถึงมุนยอง ผอ.เดินผ่านมาเห็นและต่อว่าที่เขาทำร้ายร่างกายตัวเองเพราะจิตใจที่พุ่งพล่าน คังแทจึงบอก ผอ.ว่า เขากลัวความจริงถ้าหากว่าคนที่ฆ่าแม่เขาคือแม่ของมุนยอง คังแทร้องไห้ระบายความในใจ เขาไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะรับปากพี่ว่าจะไม่หนีและจะเป็นคนสู้เพื่อพี่ แต่เรื่องมันกลับเลวร้ายกว่าที่คิด และเขาเองก็ไม่ต้องการให้มุนยองทุกข์ทรมานหากรู้ความจริงนี้

คังแทกลับมาและเข้าไปหามุนยองที่กำลังหลับ เขาลูบแก้มเธอเบาๆและนึกถึงคำพูดของเธอที่บอกว่ามีความสุขเมื่อเขาและพี่ซังแทอยู่กับเธอที่นี่

มุนยองเกลียดบ้านนี้เพราะพ่อก็เป็นบ้า แม่ก็ตายที่นี่ พ่อลากแม่ที่เลือดไหลนองไปขังไว้ในห้องใต้ดิน จากนั้นแม่ก็หายตัวไป เธอไม่รู้ว่าแม่ยังอยู่หรือตายไปแล้ว พ่อคนเดียวเท่านั้นที่รู้ มุนยองตอบคังแทว่า หากแม่กลับมา เธอคงกลัวแม่และหายใจไม่ทั่วท้อง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นแม่อยู่ดี

พี่ซังแทเตรียมตัวออกไปถ่ายรูปครอบครัวกับมุนยอง และแปะโน๊ตที่อยู่ของสตูดิโอไว้ เมื่อคังแทไม่ยอมตื่น มุนยองจึงบอกพี่ซังแทให้เลื่อนไปถ่ายรูปวันอื่น แต่พี่ซังแทไม่ยอม เพราะตื่นมาแต่งตัวตั้งแต่เช้ามืด และฝึกทำสีหน้าไว้ตั้งแต่เมื่อคืน มุนยองจึงออกไปกับพี่ซังแทสองคนและบอกว่าเป็นการถ่ายรูปลงหนังสือ

เมื่อไปถึงสตูดิโอแล้ว มุนยองดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้าให้พี่ซังแท ขณะที่เขาลองโพสท์ท่าต่างๆให้เธอดู จากนั้นมุนยองบอกพี่ว่าไม่ต้องฝืนทำท่าปลอมๆ เพียงแค่อยู่นิ่งๆด้วยสีหน้าสบายๆ ถึงจะเป็นมุนซังแทตัวจริง พี่ซังแทต้องขอให้ช่างภาพหยุดสักครู่ เพราะเขาดีใจเมื่อเห็นคังแทใส่สูทเดินเข้ามาในสตูดิโอ คังแทเดินตรงเข้ามาถามมุนยองว่ายังไม่สายเกินไปใช่ไหม จากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็ได้ถ่ายรูปร่วมกัน