สปอยล์ It’s Okay to Not Be Okay ตอนที่ 16

16

เมื่อกลับมาถึงปราสาท คังแทบอกรักและจูบมุนยองอย่างดูดดื่มอีกครั้ง หลังจากที่ซังแทอ่านบันทึกข้อตกลงที่ประธานเขียนไว้ว่าจะจ้างซังแทเป็นนักวาดภาพนิทานของโกมุนยอง ซังแทจึงบอกแจซูว่าตนเองขอลาออกจากการเป็นพนักงานที่ร้านของเขา และไม่สนใจเงินที่แจซูจะเพิ่มให้ เพราะเขาต้องการเป็นนักวาภาพอย่างเต็มตัวซะที

 คืนนี้ซังแทนอนค้างกับแจซูเพื่อให้คังแทและมุนยองได้คืนดีกัน คังแทให้มุนยองนอนหนุนตัก และตอบคำถามของเธอที่นำรูปครอบครัวไปแขวนที่ต้นไม้แม่ เพื่อให้แม่รู้จักเธอที่เป็นเพื่อนสนิทของพี่ซังแทตามที่ปรารถนา และที่สำคัญเป็นคนที่เขารัก เขาบอกแม่ว่าไม่ต้องห่วง เพราะตอนนี้ทั้งสามคนได้เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เมื่อมุนยองบ่นง่วงนอน คังแทจึงพาเธอกลับห้องและในคืนนั้นพวกเขาก็เป็นของกันและกัน

 มุนยองเดินเข้ามากอดคังแทด้านหลัง ขณะที่เขากำลังทำอาหารเช้าให้เธอ เมื่อรู้ว่าคังแทลาออกจากงานแล้ว จึงคิดว่าเขาจะเรียนต่อ เธอไม่ยอมให้เขาเรียนและบอกให้เกาะติดอยู่ข้างเธอโดยไม่ต้องทำอะไร คังแทอยากให้มุนยองเขียนนิทานต่อให้จบ เรื่องพี่น้องสามคนกับรถบ้าน เธอจึงอวดรูปที่พี่ซังแทให้ และบอกว่าเป็นรูปของคังแทตอนที่มีความสุขที่สุด และเมื่อเห็นรูปนี้เธอจึงตัดสินใจแก้ไขต้นฉบับและลองตีพิมพ์เล่มนี้ก่อน คังแทยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

 ผอ.โอจีวังซื้อรองเท้ามาฝากลุงคันพิลอง และบอกว่าเป็นใบสั่งยาใบสุดท้าย เพื่อให้ลุงได้ใส่ตอนออกจากโรงพยาบาลแล้วไม่ต้องกลับมาอีกจนกว่าจะหาประตูเจอ ทุกคนเพิ่งรู้ว่าผู้ดูแลโอชายงเป็นลูกของ ผอ. ก็ตอนที่โอชายงส่งเสียงดังเพราะถูก ผอ.ดึงหูเขาออกมาจากห้องผ้าที่เอาแอบไปงีบ ผอ.บอกว่าเกษียณเมื่อไร จะพาโอชายงออกไปด้วย

 ระว่างมื้ออาหาร พี่ซังแทบอกทุกคนว่าลาออกจากร้านของแจซูแล้ว เมื่อเห็นคังแทกับมุนยองคืนดีกัน จึงบอกว่าจุ๊บกันดีกว่าทะเลาะกัน มุนยองจึงบอกพี่ว่า นอกจากจุ๊บๆแล้ว ยังจูบคืนดีกันด้วย จนทำให้คังแทต้องแอบเตะขาเธอใต้โต๊ะอาหาร มุนยองยังบอกต่ออีกว่า แค่จูบยังไม่พอ แต่เธอยัง…คังแทแกล้งไอกระแอมขึ้นมาทันทีเพื่อขัดจังหวะมุนยองและเตะขาเธออีกครั้ง จนเธอเจ็บและโวยวายขึ้นมา คังแทบอกข่าวดีกับพี่ว่ามุนยองจะตีพิมพ์นิทาน มุนยองจึงชมว่าพี่ซังแททำการบ้านได้ดีมาก แต่เธอจะไม่ซื้อรถบ้านให้ แต่จะให้เงินแทน เพราะว่าไม่จำเป็นต้องย้ายบ้านแล้ว พี่ซังแทยอมตกลงโดยบอกว่า เงินจำเป็นต้องใช้ยามแก่ พี่ซังแทตักไข่นกกระทาให้มุนยองเมื่อเห็นว่าเธอใช้ตะเกียบคีบไม่ได้ เขาจึงสอนมุนยองว่าต่อไปให้ใช้ช้อนตัก

 มุนยองนำต้นฉบับ “การสังหารของแม่มดตะวันตก” ของโดฮีแจ และ นิทานเรื่องสุดท้ายของเธอ ไปให้ประธานอีเลือก เขาตัดสินใจเลือกนิทานของมุนยอง โดยบอกว่าเขาจะไม่เลือกนิทานของคนที่ทำให้เธอเจ็บปวด และจงใจวางต้นฉบับนั้นไว้ที่โต๊ะอาหารเพื่อให้ซึงแจตามมาเก็บทีหลัง ประธานอีทำแก้วน้ำหกใส่ต้นฉบับนั้น ขณะที่ลุกจากโต๊ะออกไปจากที่นั่นพร้อมมุนยอง ซึงแจตามมาทีหลังแต่ไม่พบใครจึงกลับออกไป จากนั้นพนักงานก็เคลียร์โต๊ะโดยรวบต้นฉบับนั้นไปทิ้งด้วย

 แม่ของจูรีดีใจเมื่อประธานอีบอกว่าซังแทจะได้เป็นนักวาดภาพแล้ว ต่อไปก็จะเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการและลองให้ทำงานกับนักเขียนนิทานคนอื่นๆ เพราะมุนยองจะไม่เขียนนิทานสักพัก ซึงแจกลับมาบ้านและต่อว่าประธานอีที่ไม่รับโทรศัพท์ ประธานอีถามหาต้นฉบับ “การสังหารของแม่มดตะวันตก” เพราะเข้าใจว่าซึงแจได้รับข้อความของเขาแล้ว แต่ที่จริงประธานอีส่งผิดไปที่โทรศัพท์ของมุนยอง ทำให้เธอรู้เล่ห์เหลี่ยมของประธานอี 

 มุนยองไปหาโดฮีแจที่สถานกักกันซองจิน และบอกว่านี่เป็นครั้งสุด้ายที่จะได้เจอเธอ โดฮีแจเกรี้ยวกราดใส่มุนยองเมื่อรู้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกับคังแทและพี่ชายแล้ว อีกสักพักฮีแจก็สวมบทแม่ผู้รักลูกและสั่งให้มุนยองกำจัดพวกเขาตามสัญชาตญาณ มุนยองบอกว่าเธอโชคดีที่ไม่เป็นปีศาจเหมือนแม่ และรู้สึกสงสารแม่จริงๆที่รู้จักแต่ความหิวโดยที่ไม่รู้จักไออุ่น ไม่เคยรู้และไม่คิดจะรับรู้ และตอนนี้เธอรู้ว่านี่คือสิ่งที่เธอแตกต่างจากแม่ ก่อนกลับไปมุนยองบอกแม่ให้กินข้าวครบมื้อ และเธอจะพยายามลืมแม่ไปจากสมองให้ได้ โดฮีแจตะโกนไล่หลังมุนยองอย่างสติแตกว่า เธอไม่มีทางลืมแม่ได้เด็ดขาด มุนยองจึงหันกลับมาบอกแม่ให้จำไว้ว่า ผีเสื้ออาจจะเป็น “ไซโค” สำหรับแม่ แต่สำหรับพวกเขาทั้งสามคนมันคือ การรักษาจิตวิญญาณ

 มุนยองกลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อดูภาพผีเสื้อที่โดฮีแจวาดไว้ที่ผนัง แต่พี่ซังแทกำลังทาสีกลบทับและบอกว่าจะวาดผีเสื้อตัวใหม่ให้สวยๆ​ เอง  

 คังแทแวะไปหาแจซูและบอกว่าลาออกจากงานแล้ว เพราะอยากเรียนต่อ แจซูจึงถามว่าเขาควรปิดร้านและไปเรียนกับคังแทดีไหม เมื่อคังแทรู้ว่าแจซูไม่ได้อยากเรียนจริงๆ จึงบอกว่าอย่าทำอะไรตามเขาอีกเลย และอยากให้เขาอยู่ในที่ที่อยากอยู่จริงๆ แจซูรู้สึกน้อยใจที่ตอนนี้กลายเป็นหมาหัวเน่า คังแทเห็นดังนั้น จึงเอ่ยปากเรียกแจซูว่า “พี่แจซู” และบอกว่าต่อไปนี้จะเรียกแบบนี้ตลอดไป เพราะแจซูแก่กว่าหนึ่งปีและคอยอยู่เคียงข้างเขามาตลอด ทำให้เขาผ่านเรื่องราวต่างๆ​ มาได้ทั้งสุขและทุกข์ แจซูซาบซึ้งจนน้ำตาไหลและบอกคังแทว่าต่อไปให้ทำดีกับพี่คนนี้เยอะๆ  

 ประธานอีและซึงแจช่วยกันไปรื้อกองขยะเพื่อหาต้นฉบับ “การสังหารของแม่มดตะวันตก” แต่ซึงแจหาเจอก่อนและซ่อนไว้ในกางเกง เพื่อแกล้งประธานอีที่คอยต่อว่าและรังแกเธอมาตลอด จูรีเปิดห้องเข้ามาและได้กลิ่นขยะที่ซึงแจซ่อนไว้ แต่ซึงแจบอกว่าไม่ได้กลิ่นอะไรเลย จากนั้นจูรีออกไปดื่มเบียร์กับประธานอีและไม่อยากให้ประธานอีแกล้งซึงแจอีก เขาจึงบอกว่าที่จริงซึงแจอายุมากกว่าจูรีหกปี แต่แกล้งทำเป็นเด็กเพระง่ายต่อการเข้าสังคม ที่จริงแล้วซึงแจเป็นคนเจ้าเล่ห์

 มุนยองและพี่ซังแทนั่งทำงานด้วยกันและไม่ยอมให้คังแทเข้าไป จนกระทั่งเขากลับเข้ามาเห็นทั้งคู่หลับอยู่ตรงนั้นท่ามกลางภาพนิทานที่ทั้งคู่กำลังทำ คังแทหยิบภาพเหล่านั้นดูและยิ้มอย่างมีความสุข

 ประธานอีและซึงแจนำนิทาน “ผจญภัยตามหาใบหน้าที่แท้จริง” ที่ตีพิมพ์เสร็จแล้วมาให้มุนยอง พี่ซังแทดีใจมากที่เห็นชื่อตัวเองอยู่บนหน้าปกหนังสือ และมีรูปของเขาอยู่ที่ปกด้านใน จึงรีบวิ่งเข้าไปอ่านนิทานเรื่องใหม่ โดยที่คังแทและมุนยองวิ่งตามไปด้วย ทิ้งให้ประธานอีและซึงแจอยู่ตรงนั้น ประธานอีกังวลว่าหนังสือจะขายไม่ดี เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่สไตล์ของมุนยอง และตัวมุนยองเองก็เปลี่ยนไป เขาบ่นว่าหากมีนิทาน “การสังหารของแม่มดตะวันตก” อยู่ในมือก็คงจะดี จะได้ไม่กังวลขนาดนี้ ซึงแจแอบยิ้มและปลอบใจว่าอย่ากังวลนักเลย

 ทั้งสามคนไปหาต้นไม้แม่ด้วยกัน ซังแทจึงอวดแม่ว่าตอนนี้มุนซังแทได้เป็นนักวาดภาพประกอบแล้ว และเปิดหนังสือนิทานอ่านให้แม่ฟังพร้อมกับน้ำตาแห่งความดีใจของเขา มุนยองและคังแทยืนมองพี่ด้วยน้ำตาแห่งความสุข จากนั้นคังแทก็เข้าไปกอดพี่ ขณะที่พี่ซังแทยังคงร้องไห้และอวดแม่ด้วยความภาคภูมิใจอยู่อย่างนั้น

 ประธานอีและซึงแจช่วยกันจัดสำนักพิมพ์ใหม่ เมื่อประธานอีเห็นว่าเก้าอี้ไม่พอสำหรับสื่อและนักข่าว ซึงแจจึงบอกว่าคราวนี้มีแค่นักข่าวเพียงคนเดียวก็คือตัวเธอเอง และจะใช้ไม้เซลฟี่ถ่ายรูปงานต่างๆเพื่ออัพโหลดขึ้นช่องส่วนตัว

 วันนี้เป็นงานเปิดตัวนิทานเรื่องใหม่ของโกมุนยอง แม่ของจูรีชื่นชมภาพที่ผนังของโรงพยาบาล และชม ผอ.ว่าเก่งที่สามารถทำให้ซังแทโบยบินเหมือนผีเสื้อบนภาพได้ จากนั้น ผอ.ก็ป้อนคำหวานและขอแวะไปกินข้าวที่บ้านของเธอบ้าง คังอึนจาอดีตคนไข้ก็มาร่วมงานด้วย และยังคงใช้ผ้าพันคอเหมือนเดิม อารึมอดีตคนไข้และคนรักของคนไข้ชายจองแทก็มาเช่นกัน ซึงแจใช้ไม้เซลฟี่เพื่อบันทึกภาพบรรยากาศ โอชายงเดินสะพายกีต้าร์เข้าไปในงาน จนคนไข้คนอื่นเม้าส์กันเล่นๆว่าลูกหลงของ ผอ.คงจะยังสติไม่ค่อยดี ส่วนโจแจซูมาร่วมงานในชุดสูทจนทำให้ซึงแจตะลึง ขณะที่ควอนกีโดกำลังนั่งอ่านหนังสือที่ล้อบบี้เพื่อเตรียมสอบเป็นข้าราชการอย่างพ่อ ก่อนที่จะเข้าไปฟังนิทาน  

 มุนยองกับพี่ซังแทเถียงกัน เพื่อแย่งเล่านิทาน “ผจญภัยตามหาใบหน้าที่แท้จริง” คังแทจึงตัดสินใจให้เล่าทั้งสามคน โดยแบ่งประโยคกัน  

 มุนยอง…กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ปราสาทในป่าลึกแห่งหนึ่ง มีสามคนที่อาศัยอยู่ด้วยกัน ได้ถูกแม่มดเงาขโมยใบหน้าที่แท้จริงของตัวเองไป 

 ซังแท…คุณลุงกล่องพูดว่า หากเราไม่อยากทะเลาะกันและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ก็ต้องตามหาใบหน้าที่โดนขโมยไปกลับคืนมา

 มุนยอง…พวกเขาที่ขึ้นรถบ้านเพื่อตามหาใบหน้าของตนเอง ได้พบกับแม่จิ้งจอกที่นั่งกอดเข่า ร้องไห้ฮือๆ อยู่กลางทุ่งหิมะ

 คังแท…หนุ่มน้อยสวมหน้ากากถามแม่จิ้งจอกว่าทำไมถึงร้องไห้ 

 ซังแท… อ้อ ฉันออกมาหาอะไรกิน และลูกที่ฉันแบกไว้ข้างหลัง ได้ร่วงหล่นหายไปในทุ่งหิมะ

คังแท…แม่จิ้งจอกที่น้ำตาแห้งเหือดไปจากใบหน้าแล้ว ก็ทุบอกร้องไห้ น้ำตาอุ่นๆก็พรั่งพรูออกมาจากดวงตาของหนุ่มน้อยสวมหน้ากาก

 ซังแท…ทันใดนั้นเอง ทุ่มหิมะเริ่มละลายอย่างรวดเร็ว จึงได้พบลูกจิ้งจอกที่แข็งเป็นน้ำแข็งอยู่ที่นั่น

 มุนยอง…ทั้งสามคนออกเดินทางต่อ และได้พบกับตัวตลกที่ถอดเสื้อเต้นรำอยู่ในสวนดอกไม้เสี้ยนหนาม เจ้าหญิงกระป่องเปล่าถามออกไปว่า ทำไมถึงแหวกเข้าไปในดงหนามและตั้งหน้าตั้งตาเต้น คำตอบที่ได้คือ เพราะคิดว่าทำแบบนี้แล้ว ผู้คนจะสนใจ แต่ว่ากลับพบแต่ความเจ็บปวด และไม่มีใครสนใจอยู่ดี ดังนั้นเจ้าหญิงกระป๋องเปล่าจึงเข้าไปในทุ่งดอกเสี้ยนหนามด้วยและเริ่มเต้นไปกับตัวตลก เพราะคิดว่าตนเองเป็นเจ้าหญิง

กระป๋องเปล่าที่ต่อให้โดนแทง ก็จะไม่มีแผล พอเจ้าหญิงกระป๋องเปล่าวิ่งอย่างร่าเริงและเต้นไปด้วย ภายในกระป๋องก็ดังก๊องแก๊งๆ ส่งเสียงก้องออกมา เมื่อผู้คนได้ยินก็แห่กันเข้ามาดูพวกเขาเต้นและปรบมือให้

 มุนยองและซังแทเริ่มอ่านประโยคใหม่พร้อมกัน จึงทำให้เกิดการถกเถียงกันอีกจนเกิดเรื่องวุ่นวาย ทุกคนในงานต่างพากันอมยิ้มด้วยความเอ็นดูทั้งคู่ เรื่องราวในนิทานเรื่องนี้ มุนยองเขียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตของคนไข้แต่ละคนรวมทั้งคังแทด้วย เมื่อจบงานแล้วคังแทนำหนังสือนิทานมาให้แม่ของจูรี และขอให้เธอเปิดอ่านข้างในซึ่งซังแทเขียนไว้ว่า “ถึงแม่ไม่จริงที่แท้ ขอบคุณสำหรับอาหารอร่อยๆ อยากกินทุกวันเลย ผมชอบคุณป้ามากๆเลยครับ” ลงท้ายด้วยรูปหัวใจหกดวง คังแทอธิบายว่าแม่ไม่จริงแต่ชอบเหมือนแม่แท้ๆ จากนั้นเขาก็ขอกอดเธอพร้อมคำขอบคุณ 

 จูรีปลอบใจประธานอีที่งานล่มวันนี้ เพราะเชื่อว่าคงไม่มีใครรู้นอกจากคนที่มางาน แต่มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด เมื่อประธานอีให้เธอดูคอมเม้นท์ต่างๆหลังจากที่ซึงแจอัพโหลดคลิปในงาน ซึ่งมุนยองกับซังแทกำลังตีกัน จูรีจึงปลอบใจอีกว่า นี่อาจเป็นการตลาดแบบบอกต่อก็ได้ เธอบอกประธานอีด้วยน้ำเสียงเศร้าๆว่า เมื่อเขากลับโซลแล้ว ก็คงไม่ได้พบกันอีก แต่ประธานอีบอกว่าเขาจะไม่ไปเริ่มต้นใหม่ที่โซลเพราะค่าเช่าแพง แต่จะเป็นที่เมืองนี้ซึ่งมีจูรีอยู่ด้วย จากนั้นก็ค่อยขยับมือไปจับมือของเธอ

 มุนยองและพี่ซังแทคืนดีกันและจูงมือกันออกมาเดินตามหลังคังแท จากนั้น ผอ.ตะโกนเรียกพวกเขาเพื่อมอบรถบ้านให้เป็นค่าตอบแทนที่ซังแทวาดภาพบนผนัง มุนยองวิ่งตามพี่ซังแทขึ้นไปบนรถด้วยความดีใจ ผอ.บอกคังแทว่าให้ด้วยใจและเป็นการขอโทษกับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น 

 มุนยองและพี่ซังแทร่วมมือกันวางแผนเมินเฉยใส่คังแท หากเขามาชวนนั่งรถบ้านไปเที่ยว จนทำให้คังแทน้อยใจและไปดื่มเหล้ากับประธานอีและแจซู เมื่อเมากลับมาจึงพบว่ามุนยองและพี่ซังแทได้จัดกระเป๋าไว้เรียบร้อยแล้ว และขับรถบ้านออกไปเที่ยวกันสามคน โดยที่คังแทยังเมาอยู่ และมีมังแทเป็นตุ๊กตาหน้ารถ มุนยองและพี่ซังแทยังคงทะเลาะกันเรื่องเล็กๆน้อยเหมือนเดิม พี่ซังแทจิกผมมุนยองจากด้านหลังจนทำให้เธอขับรถส่ายไปมา และต้องแวะจอดเพื่อให้คังแทอ้วก

 พวกเขาทั้งสามไปเที่ยวด้วยกันและใช้ชีวิตอยู่กับรถบ้านอย่างมีความสุข ในคืนหนึ่งเมื่อพี่หลับไปแล้ว มุนยองมานั่งคุยกับคังแทที่ข้างๆ​ รถเพื่อขอโทษที่ทำให้เขาเป็นแผลถึงสองครั้ง และขอบคุณที่พามาเที่ยว มุนยองบอกรักคังแท ขณะที่มองตาของเขาอย่างหวานซึ้ง และโน้มตัวไปจูบเขา

 ในวันรุ่งขึ้นพี่ซังแทขอให้น้องชายไปเที่ยวต่อกับมุนยองสองคน เพราะเขามีนัดกับประธานอีที่กำลังมารับเพื่อไปเริ่มงานใหม่ ซึ่งพี่ซังแทมีความสุขกว่าหากได้วาดภาพในนิทาน เขาภูมิใจเมื่อบอกมุนยองว่าตอนนี้นักเขียนคนอื่นๆก็ต้องการภาพวาดของเขาเช่นกัน คังแทยังคงเป็นห่วงพี่หากว่าไม่มีเขา แต่พี่บอกว่ามุนคังแทเป็นของมุนคังแท และมุนซังแทก็เป็นของมุนซังแท เช่นกัน สองพี่น้องกอดกัน พี่ปลอบใจไม่ให้น้องร้องไห้และขอบใจน้อง ก่อนจะแยกกันไป พี่ซังแทขอให้น้องทั้งสองจุ๊บกันและห้ามทะเลาะกันอีก

 “เบื้องหน้าของพวกเขาที่กำลังออกเดินทางครั้งใหม่เพื่อตามหาใบหน้าที่โดนขโมยไป แม่มดเงาผู้ชั่วร้ายปรากฏตัวอีกครั้ง นางลักพาตัวหนุ่มน้อยสวมหน้ากากที่ร้องไห้ให้แม่จิ้งจอกและเจ้าหญิงกระป๋องเปล่าที่เต้นกับตัวตลก โดยสาปว่า “จากนี้ไปพวกเจ้าไม่มีทางหาใบหน้าแห่งความสุขเจอ” หลังจากนั้นนางก็เอาพวกเขาไปขังไว้ในโพรงตุ่นที่มืดมิด แม้ว่าหลังจากนั้น ลุงกล่องจะหาโพรงนั้นเจอ แต่เพราะทางเข้าโพรงนั้นแคบมาก จึงทำให้เข้าไปไม่ได้ ลุงกล่องไม่รู้จะทำอย่างไร นอกจากจะต้องถอดกล่องนั้นออก ตอนนั้นเองก้มีเสียงของหนุ่มน้อยสวมหน้ากากดังออกมาจากในโพรง บอกให้ลุงกล่องหนีไป โดยไม่ต้องห่วงพวกเขา เพราะแม่มดเงาใกล้จะกลับมาแล้ว แต่ว่าลุงกล่องรวบรวมความกล้าถอดกล่องออก และเข้าไปช่วยเจ้าหญิงกระป๋องเปล่าแหนุ่มน้อยสวมหน้ากากออกมาจากโพรงตุ่น เมื่ออกมาแล้วได้เห็นหน้าลุงกล่องที่เปื้อนเลอะเทอะ พวกเขาจึงหัวเราะกันคิกคัก และหน้ากากของหนุ่มหน้อยก็ร่วงหล่นลงพื้น กระป๋องเปล่าที่เจ้าหยิงเข้าไปอยู่ก็ส่งเสียงแก๊งแล้วร่วงหล่นลงไป เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มที่แท้จริงของทั้งสอง คุณลุงกล่องก็พูดว่า “มีความสุขจังเลย”…….

 ที่จริงสิ่งที่แม่มดเงาขโมยไป ไม่ใช่ใบหน้าขอพวกเขาทั้งสาม แต่เป็นความกล้าที่จะตามหาความสุข