สปอยล์ Moon Lovers ตอนที่ 4
องค์ชายสี่วังโซบอกพระมเหสียูว่าเขาสังหารนักบวชแล้ว เพื่อเป็นการปกปิดความลับให้เสด็จแม่ อีกทั้งยังต้องการความรักความเมตตาและห่วงใยจากพระมเหสียูอีกด้วย แต่องค์ชายสี่กลับต้องผิดหวังและเสียใจอย่างมาก เมื่อเสด็จแม่ทรงตรัสว่า เขาไม่ใช่ลูกของพระนาง แต่เป็นความอัปยศและความผิดพลาดของพระนางเอง จึงได้ยกให้ไปเป็นลูกของตระกูลคัง
ด้วยอารมณ์เสียใจและผิดหวัง ทำให้องค์ชายสี่อาละวาดใส่เจดีย์หินที่เสด็จแม่ของเขา ทรงสร้างไว้ให้ลูกคนอื่นๆ แฮซูเข้ามาห้ามไว้และเป็นห่วงที่เห็นเขาบาดเจ็บ แม้องค์ชายสี่จะไล่นางไปและบอกว่าเขาเพิ่งฆ่าคนมา แต่แฮซูไม่ได้กลัวเขาอย่างที่เคย แต่กลับเห็นใจและเข้าใจเขา
เมื่อฝ่าบาททรงทราบว่า วัดที่กลุ่มมือสังหารอยู่นั้น เป็นวัดประจำพระองค์ของมเหสียู จึงทรงคิดว่าพระนางคือคนบงการวางแผนฆ่าองค์รัชทายาท แต่องค์ชายสี่วังโซทูลว่าเขาได้ฆ่านักบวชเจ้าของวัดแล้ว เพื่อเป็นการปกป้องเสด็จแม่ มิให้โดนใส่ร้ายป้ายสี
บรรดาสาวใช้ต่างก็กลัวและเกี่ยงกันที่จะนำอาหารไปให้องค์ชายสี่ แฮซูจึงจำใจต้องไปเอง ขณะที่เขาอยู่ที่โขดหินและนั่งมองไปที่วัง ซึ่งเขาเปรียบเสมือนครอบครัวที่ได้อยู่พร้อมหน้ากัน ทั้งพ่อแม่และพี่น้อง แฮซูอยากรู้เหตุผลที่เขาอาละวาดใส่เจดีย์หินเมื่อคืนนี้ องค์ชายสี่รู้สึกละอายใจ จึงเสแสร้งเปลี่ยนเรื่อง โดยถามเรื่องที่แฮซูเคยเห็นเขาอาบน้ำที่สระในตำหนักทามีวอน แฮซูขวยเขินเช่นกัน นางจึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องอาหารในสำรับ
ขณะที่พระชายามยองฮีอาการทรุดหนัก แฮซูแอบได้ยินพระชายาบอกองค์ชายแปดให้มีสนมใหม่ เพราะนางไม่สามารถดูแลหรือมีทายาทให้ได้ อีกทั้งนางยังคิดว่าองค์ชายแปดไม่เคยรักนางเลย
เมื่อองค์ชายสิบวังอึนแวะมาเล่นกับแฮซู นางจึงถามว่าองค์ชายสิบคิดจะมีสนมคนอื่นอีกไหม หากว่าชายากำลังป่วย แต่องค์ชายสิบบอกว่า เขายังไม่ได้แต่งงาน และจะไม่ยอมมีสนมให้ปวดหัวเหมือนกับเสด็จพ่อ เขาจะรักผู้หญิงเพียงคนเดียวและอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า พร้อมทั้งทำตาหวานใส่แฮซู
แฮซูเคยเก็บปิ่นที่องค์ชายสี่ทำตกไว้ จึงวานแชรยองให้นำไปไว้ที่ห้องของเขา แต่องค์หญิงยอนฮวาผ่านมาเห็น จึงเข้าใจว่าแชรยองเข้ามาขโมยของ จึงเฆี่ยนตีนางเพื่อลงโทษ แฮซูพยายามอธิบาย แต่องค์หญิงไม่เชื่อ แฮซูจึงขอรับโทษแทนแชรยอง องค์หญิงโบยแฮซูไปได้เพียงสองครั้ง องค์ชายสี่จึงเข้ามาห้ามไว้ และบอกต่อหน้าทุกคนว่าแฮซูเป็นของเขา เขาจะตัดสินใจเองว่าจะลงโทษแฮซูอย่างไร เพราะเขาคือเจ้าของปิ่น องค์ชายสิบวังอึน เข้ามายืนยันว่าแฮซูไม่ได้ขโมย เพราะเก็บได้ที่หน้าห้ององค์ชายสี่ องค์ชายแปดสั่งให้แก้มัดแฮซู องค์หญิงยอนฮวาเสียหน้าและเจ็บใจที่เหล่าองค์ชายต่างก็เข้าข้างแฮซู ยอนฮวาต่อว่าองค์ชายสี่ที่ออกมาปกป้อง และคิดว่าเขาคงมีใจให้แฮซูเสียแล้ว
องค์ชายแปดเตือนองค์ชายสี่ว่าที่นี่ไม่มีอะไรเป็นขององค์ชาย รวมทั้งยอนฮวาและแฮซูด้วย เพราะยอนฮวาคือน้องสาว ส่วนแฮซูคือน้องของพระชายามยองฮี
เมื่อองค์ชายแปดนำยาไปให้แฮซู จึงเห็นนางร้องไห้เพราะเสียใจที่ถูกจับมัดเยี่ยงสัตว์ องค์ชายแปดจึงปลอบใจแฮซูด้วยความอ่อนโยนและสัญญาว่า เขาจะไม่ปล่อยให้ใครทำกับนางแบบนี้ได้อีก แฮซูหวั่นไหวอีกครั้ง แต่เมื่อนึกถึงพี่มยองฮี นางจึงรีบกลับเข้าห้อง
แฮซูเห็นองค์ชายสิบสี่วังจอง ถูกคนร้ายจับตัวไป เพราะความแค้นที่มีต่อมเหสียู จนทำให้คนร้ายคนนั้นต้องเสียแขนไปหนึ่งข้าง แฮซูจึงตามไปและสั่งให้แชรยองรีบตามคนมาช่วย องค์ชายแปดไปช่วยองค์ชายสิบสี่และแฮซู โดยมีองค์ชายสี่ตามไปสมทบ เมื่อกลุ่มคนร้ายเห็นองค์ชายสี่ที่มีฉายาว่าหมาป่า พวกเขาจึงรีบหนีไปทันที หลังจากนั้นองค์ชายสิบสี่จึงบอกแฮซูว่า ต่อไปนี้เขาจะปกป้องนางเอง เพราะนางมาช่วยเขาในครั้งนี้ และเรียกแฮซูว่าพี่หญิง
องค์ชายแปดสารภาพกับแฮซูว่า เขากลัวจะเสียนางไปในเหตุการณ์วันนี้ พร้อมทั้งโน้มตัวเพื่อจะจูบนาง แต่เหล่าบริวารและพระชายามยองฮีออกมาตามหาพอดี องค์ชายแปดจึงรีบเดินหนีไป
หลังจากช่วยองค์ชายสิบสี่ได้แล้ว องค์ชายสี่จึงตักเตือนและสั่งสอนน้องในฐานะองค์ชาย ซึ่งควรมีความรับผิดชอบต่อครอบครัวที่ต้องสูญเสีย แต่องค์ชายสิบสี่บอกว่าเขาไม่รู้เรื่องราวอะไรด้วย และต่อว่าองค์ชายสี่ว่าตนเองไม่ได้อยู่ในฐานะนั้นด้วยซ้ำ อย่างที่องค์ชายสามวังโยเคยพูดไว้ว่า น่าละอายที่เกิดมาเป็นพี่น้องท้องเดียวกับองค์ชายสี่ มเหสียูเข้ามาเห็นพี่น้องทะเลาะกัน จึงสั่งองค์ชายวังจองอย่าไปยุ่งกับองค์ชายสี่อีก เพราะเขาคือตัวซวย และสั่งองค์ชายสี่ห้ามเข้าใกล้องค์ชายวังจองอีก
องค์รัชทายาททูลขอฝ่าบาท เพื่อให้องค์ชายสี่เป็นคนของเขาและอยู่ซงอัคต่อไป แต่ฝ่าบาทไม่แน่พระทัยว่า องค์ชายสี่จะอยู่ในฐานะคนของตระกูลคังหรือคนของมเหสียู ซึ่งเคยคิดกำจัดองค์รัชทายาท องค์ชายสี่จึงทูลว่า เขาจะไม่อยู่อยู่ในฐานะโอรสหรือน้องชาย แต่จะอยู่ในฐานะผู้จงรักภักดีเท่านั้น ฝ่าบาทจึงทรงถามชเวจีมง เพื่อยืนยันว่าดาวขององค์ชายสี่อยู่เหนือซงอัคจริงๆตามที่เขาบอก จากนั้นจึงทรงอนุญาตให้องค์ชายสี่ได้อยู่ซงอัคต่อไป
พระชายามยองฮีชวนแฮซูมาร่วมโต๊ะอาหาร แต่องค์ชายแปดพยายามซ่อนความรู้สึกที่มีต่อแฮซู จึงขอตัวไปก่อนโดยอ้างว่าจะไปอ่านหนังสือ
เมื่อองค์ชายสี่บอกแฮซูว่า เขาจะไม่อยู่ที่ตำหนักขององค์ชายแปดแล้ว และจะย้ายเข้าวังหลวง แฮซูจึงบอกเขาให้กินข้าวตรงเวลา นอนหลับให้สนิทและอย่าฝันร้าย คำพูดของนางทำให้องค์ชายสี่หวั่นไหว เพราะเขาไม่เคยได้รับความห่วงใยเหล่านี้จากใครมาก่อน