สปอยล์ Moon Lovers ตอนที่ 8

8

องค์ชายสี่เข้าใจผิดว่าแฮซู มองเขาด้วยสายตามแห่งความสมเพช จึงบอกนางว่าต่อไปนี้อย่ามาให้เขาเห็นหน้าอีก เพราะไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น

องค์ชายแพคอาไปขอโทษองค์ชายวังโซ ที่เขาห้ามองค์ชายวังอึนไว้ไม่ทัน ส่วนตัวเขาเองนั้นไม่ได้มองหน้าองค์ชายวังโซตอนที่ถอดหน้ากาก องค์ชายวังโซไม่เข้าใจตัวเองว่า เขาทั้งโมโหคนที่มองหน้าและไม่มองหน้าเขาเช่นกัน จากนั้นเขาก็บอกองค์ชายแพคอาว่า องค์ชายแพคอาสามารถมองหน้าเขาได้ทุกเมื่อ เพราะเขาอยากให้มอง

ขณะที่โอซังกุงกำลังหวีพระเกศาให้พระเจ้าแทโจอยู่นั้น พระมเหสียูมาขอเข้าเฝ้าและอาสาจะหวีเอง แต่พระนางทรงตำหนิโอซังกุงเรื่องปิ่นไม้เก่าๆ พระเจ้าแทโจจึงทรงตรัสว่าเป็นเพราะภัยแล้งหนัก พระองค์จังทรงรับสั่งให้ใช้ของเรียบง่าย ขณะที่พระเจ้าแทโจทรงมีท่าทีเย็นชาต่อพระมเหสี และขอให้พระนางเสด็จกลับไป

ด้วยความสนิทสนมกับเหล่าองค์ชายมาก่อนที่จะเข้าวัง เมื่อได้เจอองค์ชายและพูดคุยหยอกล้อกันเหมือนเคย แฮซูจึงถูกโอซังกุงลงโทษและสั่งให้ตีตัวออกห่าง เพราะนางไม่ต้องการให้แฮซูสร้างเรื่องวุ่นวายในวัง

ซุนด๊อกที่แอบมีใจให้องค์ชายวังอึน เมื่อเห็นองค์ชายบ่นเหงาและไม่มีอะไรให้เล่นสนุกในยามที่เกิดภัยแล้ง นางจึงชวนองค์ชายออกมาจับนกกระจอก แต่เมื่อองค์ชายทรงเห็นซุนด๊อกหักคอนกจนตาย จึงบอกว่าวุนด๊อกโหดร้ายและต่อไปไม่ต้องมาเล่นกับพระองค์อีก ท่านแม่ทัพพัคซูกยองที่แอบเห็นเหตุการณ์จึงบอกลูกสาวให้เปลี่ยนใจมามององค์ชายสี่ ที่ทั้งฉลาดและเก่งกาจ สามารถปกป้องลูกเมียได้ แต่ซุนด๊อกบอกว่านางมีเพียงใจเดียวเท่านั้น

พระเจ้าแทโจทรงมีพระราชประสงค์จะทำพิธีขอฝน จึงทรงสั่งห้ามเหล่าองค์ชายมิให้เข้าไปในทามีวอน องค์ชายวังอุคไม่อาจเข้าไปหาแฮซูได้ จึงเขียนจดหมายฝากไปให้นาง เพื่อให้ออกมาพบกันที่อุโมงค์ องค์ชายทรงบอกแฮซูว่าหากฝนตกลงมาหลังจากทำพิธีขอฝนแล้ว ฝ่าบาทจะทรงจัดงานฉลองครั้งใหญ่ และจะทรงปลดปล่อยนักโทษบางส่วน รวมทั้งปล่อยนางในให้กลับบ้าน และในตอนนั้นองค์ชายจะทำเรื่องทูลขอฝ่าบาทให้ปล่อยแฮซู เพื่อกลับไปอยู่ที่ตำหนักขององค์ชายดังเดิม

แฮซูนำสมุนไพรจากตำหนักทามีวอนไปให้องค์รัชทายาท ก่อนที่จะเสด็จออกไปปราบโจร ชเวจีมงจึงกำชับแฮซู ห้ามมิให้ผู้ใดรู้ว่าองค์รัชทายาททรงพระประชวร พระเมหสียูและองค์ชายสามจึงจับแฮซูมาคาดคั้น แต่โอซังกุงแก้ตัวให้แฮซู โดยทูลพระมเหสีว่า นางเป็นคนสั่งให้แฮซูไปหาสมุนไพร เพื่อไปถวายฝ่าบาท เพราะพระองค์ทรงปวดหัวเข่า

โอซังกุงตบหน้าแฮซูเป็นการทำโทษที่นางฝ่าฝืนคำสั่งที่เข้าใกล้องค์รัชทายาทอีก แต่แฮซูไม่เข้าใจว่าการทำยาสมุนไพรไปถวาย มันผิดตรงไหน และโอซังกุงก็คอยแต่เข้มงวดกับนางตลอดเวลา โอซังกุงจึงบอกว่า เพราะครั้งหนึ่งนางก็เคยเป็นเหมือนแฮซูที่เชื่อใจคนอื่นง่ายดาย และดีกับคนไปทั่ว หากทำตัวเช่นนี้ในวัง ก็อาจถูกฆ่าตายได้ง่ายๆ ทันใดนั้นเอง อาการปวดท้องของโอซังกุงกำเริบหนัก จนทำให้นางหมดสติไป เมื่อฟื้นขึ้นมานางกังวลว่าจะมีใครรู้เรื่องที่นางป่วย แต่แฮซูรับปากว่าจะไม่บอกใคร พร้อมทั้งทำข้าวต้มมาให้นางกิน และบอกว่ายามเจ็บป่วยโอซังกุงก็ต้องพึ่งพาคนอื่นบ้าง แฮซูเข้าใจความหวังดีของโอซังกุงแล้ว และรับปากว่าจะรอบคอบให้มากขึ้นและจะใช้ชีวิตให้ดี

องค์ชายวังโซได้รับเลือกให้เป็นผู้ทำพิธีขอฝน แต่ชาวบ้านต่างก็ไม่พอใจ กล่าวหาว่าพระองค์เป็นอสูร เพราะสวมหน้ากากปกปิดรอยแผลเป็น จึงเกรงว่าสวรรค์จะพิโรธ องค์ชายวังโซโดนชาวบ้านขว้างปาหินใส่ จนต้องเสด็จกลับเข้าวังด้วยความอับอาย

พระมเหสียูและองค์ชายวังโยต่างก็สะใจ และทรงคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะเปลี่ยนองค์รัชทายาท ซึ่งองค์ชายวังโยทูลเสด็จแม่ว่า เขาได้ส่งโจรไปขัดขวางไม่ให้องค์รัชทายาทได้เสด็จกลับมาสักพัก แต่พระมเหสีทรงสงสัยว่าฝ่าบาทและชเวจีมง ร่วมมือกันและจงใจให้องค์ชายวังโซ เป็นผู้ทำพิธีขอฝน

ชเวจีมงเป็นกังวลว่าองค์รัชทายาทยังไม่เสด็จกลับมา เพราะวันนี้จะต้องทำพิธีขอฝนแล้ว จึงอาสาที่จะออกไปตามและให้องค์ชายวังโซทรงทำอะไรไปก่อนก็ได้เพื่อเป็นการเอาใจชาวบ้าน แต่องค์ชายวังโซปฏิเสธเพราะไม่อยากโดนปาหินอีก ชเวจีมงยอมรับว่า เขาจงใจให้ฝ่าบาททรงเลือกองค์ชายวังโซ เพื่อเป็นการปูทางให้เขาได้ยืนหยัดต่อหน้าประชาชนในอนาคต องค์ชายวังโซจึงทรงตัดสินพระทัยที่จะทำพิธีขอฝน ในขณะที่แฮซูหาวิธีแต่งหน้าเพื่อปิดรอยแผลให้พระองค์ และในที่สุดฝนก็ตกลงมา ทุกคนต่างดีใจ