สปอยล์ Mouse ตอนที่ 19
ย้อนไปตอนที่จีอึนคลอดลูก เธอที่มองดูลูกของเธอและคิดถึงคำที่นักล่าหัวพูดและกลัวว่าลูกจะเป็นเหมือนเขา เธอจึงจะฆ่าลูกของเธอแต่พยาบาลเข้ามาช่วยเอาไว้ซึ่งพยาบาลคนนั้นก็คือคิมฮีจองแม่ที่ท้องที่นั่งคุยกับเธอเรื่องผลตรวจจากดร.อี ทั้งในใจของเธอก็กลัวเหลือเกินที่ลูกที่กำลังจะเกิดมาจะกลายเป็นปีศาจเหมือนกับเด็กที่เธอเคยเห็น..
จีอึนไปถามฮันซอจุนว่าซ่อนลูกสาวของผู้กองพัคไว้ที่ไหน เพื่อแลกกับชีวิตของอึนชงหลานชาย แต่ซอจุนกลับบอกว่าอึนชงและโยฮันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา
ย้อนไปตอนที่ฮันซอจุนตัดสินใจผ่าตัดสมองให้บารึม เขาพบเครื่องเล่นเอ็มพีที่ห้องอาบน้ำในเรือนจำที่บารึมทำตกไว้หลังจากทำร้ายนาชีกุก ซอจุนจำได้ว่าเป็นเพลงคลาสสิคที่เคยเปิดให้ลูกในท้องฟัง เขาจึงต้องการสืบหาความจริง ก่อนการผ่าตัดเขาเห็นจีอึนกำลังร้องไห้ขอโทษโยฮันอยู่ข้างเตียง ทำให้ซอจุนรู้ว่าโยฮันไม่ใช่ลูกแต่เป็นจองบารึม ซอจุนจึงอยากช่วยชีวิตลูกของตัวเองและต้องการสมองของโยฮันมาใส่ให้บารึม ถึงแม้ว่าโยฮันยังมีชีวิตอยู่ก็ตาม เพราะเขาต้องการแก้แค้นจีอึนที่โกหกหลอกลวงเขามาตลอด ต่อมาซองโยฮันก็เสียชีวิต
จากคำบอกเล่าของแจฮี ทำให้บารึมรู้ว่าโยฮันคือพี่ชายแท้ๆ ของแจอี และตัวเขาเองคือลูกของฮันซอจุนที่รู้มาตลอดว่าเขาคือลูก และฆ่าโยฮันเพื่อช่วยชีวิตเขาไว้
หลังจากที่เห็นรอยแผลเป็นที่แขนของบารึม บงอีพยายามจะย่องออกมาจากบ้านของเขา แต่บารึมตื่นขึ้นมาเสียก่อน เธอจึงอ้างว่าจะมาบอกเขาว่าตอนนี้มูจีรู้แล้วว่าบารึมฆ่าคังด๊อกซู บารึมจึงบอกเธอว่าเขาสารภาพกับมูจีไปแล้ว บงอีพยายามโกหกตัวเองว่าไม่ใช่บารึมที่ฆ่าคุณย่าและบาทหลวงโกมูวอน เพราะคนอื่นๆก็มีแผลเป็นที่แขนได้เหมือนกัน
เมื่อพีดีชเวรู้ว่าอึนชงหายตัวไป เธอจึงตามไปที่โรงพยาบาลซึ่งแม่ของเธอนอนโคม่าอยู่เพราะปกป้องอึนชงขณะเกิดอุบัติเหตุ เธอขอโทษแม่ที่เอาตัวรอดออกมาคนเดียวและทิ้งฮยอนซอกน้องชายไว้ เธอกลัวมาก จึงทำให้เธอละอายใจและไม่กล้ากลับมาสู้หน้าพ่อกับแม่อีก ต่อมาผู้กองพัคนำอึนชงมาคืนพีดีชเวและขอโทษแทนภรรยาของเขา
มูจียังคงหาความจริงต่อไปและคิดว่าบารึมอาจเป็นคนทำร้ายชีกุก และรูปถ่ายรอยรองเท้าในคดีเก่าๆ ก็เป็นขนาดเดียวกันกับรองเท้าของบารึม
ตอนนี้มูจีถูกสั่งพักงานชั่วคราว สายสืบอีขอลาออก หัวหน้าจึงสั่งให้สายสืบชินและคังกีฮยอกจับตาดูบารึม และสืบว่าบารึมอยู่ที่ไหนในคืนที่คังด๊อกซูถูกฆ่าตาย
ก่อนที่ดร.อี จะถูกองค์กรจับตัวไป เขาบอกพีดีชเวว่าจองบารึมคือลูกของฮันซอจุน พีดีชเวต่อว่าจีอึนที่ปิดบังความจริงมาตลอดจนทำให้โยฮันมีตราบาปและคิดฆ่าตัวตายหลายครั้งเพราะคิดว่าตนเองเป็นลูกของฮันซอจุน พีดีชเวบอกว่าเธอจะทำทุกอย่างให้ถูกต้องเพื่อไม่ให้อึนชงมีตราบาปว่าเป็นลูกของฆาตกร หลังจากนั้นเธอไปหาฮันซอจุนที่เรือนจำเพื่อบอกว่าเธอจะเป็นคนฆ่าเขาเองด้วยวิธีที่โหดร้ายที่สุดอย่างที่เขาคาดไม่ถึง
บงอีต้องการความแน่ใจว่าบารึมเป็นคนฆ่าคุณย่าของเธอจริงๆ จึงไปขอดูหลักฐานที่ตำรวจเก็บไว้ และได้เห็นรูปถ่ายที่คุณย่ากำไว้ก่อนตาย และในรูปนั้นเธอเห็นกระดุมเสื้อของฆาตกรซึ่งเป็นกระดุมของเธอที่คุณย่าเคยเย็บให้บารึม จากนั้นเธอก็ไปที่บ้านของบารึมเพื่อจะฆ่าเขา แต่บารึมไม่อยู่เพราะเดินทางไปหาน้าที่เกาะเชจู
น้าเล่าความจริงทุกอย่างว่าเธอทำงานให้องค์กรและมีหน้าที่จับตาดูบารึมต่อจากซงซูโฮที่ทำงานผิดพลาดและลาออกไป หลังจากเห็นพฤติกรรมของบารึมเธอจึงเริ่มรู้สึกกลัว ต่อมาจึงลาออกจากองค์กรและแต่งงาน เธอเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกชายจึงโกหกว่าไปอยู่อเมริกาและย้ายมาอยู่ที่เกาะเชจู
ในคืนที่บารึมถูกคนขององค์กรขับรถชนขณะไล่ล่าซองโยฮัน ก็เพราะองค์กรจับได้ว่า ดร.อีกับโยฮันแอบโทรติดต่อกัน จึงกลัวว่าแผนของพวกเขาจะพังหากโยฮันบอกความจริงทุกอย่างกับบารึม และถึงแม้มูจีไม่ยิงโยฮันในคืนนั้น ถึงอย่างไรองค์กรก็ต้องฆ่าโยฮันอยู่ดี น้าสาวบอกว่าคนคนนั้นมีความเชื่อที่แรงกล้ามาก ซึ่งเธอก็เคยมีความเชื่อแบบนั้นเช่นกัน
มูจีลำดับเหตุการณ์อีกครั้งและเชื่อว่า หลังจากที่บารึมผ่าตัด เขาลืมไปว่าตัวเองคือฆาตกรต่อเนื่องแต่ทว่าสัญชาตญาณยังมีอยู่จนกระทั่งได้รับการกระตุ้นอีกครั้ง ในคืนที่โยฮันถูกยิง เขาพยายามบอกมูจีว่า “ฮวามีจี”
สายสืบชินได้รับข่าวดีว่าภรรยาของเขากำลังตั้งท้องลูกสาว เขาได้รับมอบหมายให้ไปดูกล้องวงจรปิดบริเวณบ้านของบารึม เมื่อเข้าไปในบ้านของบารึม สายสืบชินพบแล็ปท็อปของคิมจุนซอง จึงนำติดตัวมาด้วย แต่แผนกไอทียังไม่ว่างตรวจสอบให้ เขาพยายามโทรบอกมูจีซึ่งกำลังไปตรวจสอบบ้านเก่าของบารึมซึ่งถูกทุบทิ้งไปแล้ว จึงไม่ได้รับสายของสายสืบชิน มูจีพบหลักฐานซึ่งเป็นภาพถ่ายหน้ากากแพะที่หนูน้อยฮันกุกสวมในวันที่ถูกลักพาตัวไป
เมื่อติดต่อมูจีไม่ได้ สายสืบชินจึงนำแล็ปท็อปติดตัวไปด้วย สายสืบอีที่ลาออกไปแล้วกลับเข้ามาที่สถานีโดยอ้างว่ามาเก็บของ เขาพยายามชวนสาบสืบชินไปดื่มด้วยกันเพื่อเป็นการอำลาเพราะต้องการแล็ปท็อปเครื่องนั้น แต่สายสืบชินปฏิเสธเพราะจะรีบกลับบ้านไปหาภรรยา หลังจากนั้นสายสืบอีจึงโทรบอกองค์กรว่าสายสืบชินเอาแล็ปท็อปไปด้วย
ระหว่างทางกลับบ้าน สายสืบชินแวะซื้อของใช้ให้ลูกสาวในท้องของภรรยา เมื่อกลับมาที่ลานจอดรถเขาถูกแทงตายและโดนแย่งแล็ปท็อปไป เจ้าหน้าที่ตำรวจพบไฟแช็คของคังด๊อกซู ต่างหูของคิมบยองแทและกระดุมของอีแจชิก อยู่ข้างๆร่างของสายสืบชิน มูจีร้องไห้ฟูมฟายกับการตายของสายสืบชิน จึงชกเสาจนมือบาดเจ็บ เขาคิดว่าเป็นฝีมือของจองบารึม แต่กีฮยอกยืนยันว่าบารึมอยู่ที่เกาะเชจูในขณะเกิดเหตุ เมื่อดูกล้องวงจรปิดจึงเห็นสายสืบอีที่พยายามรั้งสายสืบชินไว้
หมอมาทำแผลที่มือให้มูจีและต่อว่าที่เขาใช้ยาประเภทเซโรโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนระงับสัญชาตญาณดิบ เพราะหากเซโรโทนินอยู่ในระดับต่ำ จะทำให้เสียการควบคุมและกลายเป็นคนรุนแรงมากขึ้น มูจีจำได้ว่าเป็นยาที่บารึมกิน แต่เขาคิดว่าเป็นเพียงยาแก้ปวดทั่วไปเท่านั้น
มูจีไปสอบถาม ผอ.ที่โรงพยาบาล แต่เขายืนยันว่าเป็นยาแก้ปวดหลังการผ่าตัดที่สั่งจ่ายให้บารึม เมื่อแอบถามห้องยาจึงรู้ว่าเป็นยานอกระบบของโรงพยาบาลซึ่ง ผอ.เป็นคนนำมาฝากให้บารึม มูจีแอบจดเบอร์โทรศัพท์จากเครื่องในห้องทำงานที่ ผอ.โทรออกล่าสุด เมื่อรู้ตำแหน่งของเบอร์โทร เขาจึงไปที่หน้าบ้านของเลขาหญิงชเวยองชิน ซึ่งเธอกำลังนั่งรถออกไปทำงาน
เมื่อเห็นว่าบงอีพยายามโทรหาเขาหลายครั้ง บารึมจึงโทรกลับและบอกว่าเขากำลังจะกลับจากเกาะเชจู บงอีรู้ว่าตอนนี้บารึมไม่อยู่บ้าน เธอจึงแอบเข้าไปในบ้านของเขาและโดนชายชุดดำโปะยาสลบและลักพาตัวไป ขณะที่บารึมไปนั่งรอชเวยองชินที่ห้องทำงานของเธอและบอกว่าเขามาตามที่อยู่ของใบสั่งฆ่าที่ ดร.อี เคยให้เขาไว้