สปอยล์ Mouse ตอนที่ 4
หมอพิสูจน์แล้วว่านิ้วมือที่พบที่โบสถ์ในเรือนจำเป็นของชีกุก และเจ้าหน้าที่ยังพบศพของพัคจองโฮที่โรงงานเสื้อผ้าร้าง ซึ่งกลุ่มศาสนาเคยเป็นผู้ดูแล ศพนี้เสียชีวิตมาประมาณสิบวันแล้วและมีบางอย่างอยู่ในปากซึ่งยังพิสูจน์ไม่ได้ว่ามันคืออะไร ระหว่างทางกลับบ้านและฝนกำลังตก บงอีไม่กล้าข้ามสะพาม เพราะยายของเขาไม่รับโทรศัพท์ จึงขอติดรถตำรวจไปด้วย ซึ่งมูจีอยู่ในรถคันนั้น เขาจำได้ว่าบงอีคือเด็กที่ไปด้อมๆมองอู่ที่หน้าสถานีในวันก่อน บงอีขอลงจากรถที่ปากทางเข้าบ้านเพื่อจะเดินต่อเอง มูจีไปที่เกิดเหตุและเห็นศพของคุณยายซึ่งในมือกำเศษรูปที่คนร้ายเผาทิ้งไว้ตรงนั้น
บารึมเล่าเหตุการณ์ในคืนที่คุณยายถูกฆ่าให้มูจีฟัง ก่อนที่คุณยายจะถูกฆ่า ท่านส่งข้อความมาบอกว่าเห็นหน้าคนร้ายที่ฆ่านักศึกษารายล่าสุดและท่านได้นำรูปเหยื่อติดตัวมาด้วย แต่เพราะตรงนั้นเป็นพื้นที่กำลังพัฒนาจึงมืดมาก เขาจึงไม่เห็นหน้าคนร้ายแต่จำได้ว่าคนร้ายถนัดซ้าย และที่ตัวเขามีกลิ่นมิ้นต์
ขณะที่หมอโยฮันกำลังอาบน้ำ จีอึนแม่ของเขาแวะเอาอาหารไปให้และเห็นคราบเลือดติดอยู่ที่เสื้อผ้า จึงนำไปซักให้ หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้ว หมอโยฮันบอกแม่ว่าไม่ต้องส่งแม่บ้านมาอีก เพราะเขาไม่ชอบให้มีคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้าน แม้จะรู้ว่าคราบเลือดนั้นเป็นของเหยื่อ แต่จีอึนก็แกล้งเฉไฉว่าคงเป็นของคนไข้ฉุกเฉินที่โรงพยาบาล เมื่อได้กลิ่นหอมจากตัวหมอโยฮัน จีอึนจึงเดาว่าลูกชายคงกำลังคบกับใครอยู่ เพราะปกติแล้วหมอโยฮันจะไม่ใช้เครื่องหอม จีอึนอยากให้หมอแต่งงานเร็วๆ และเธอจะช่วยเลี้ยงหลาน แต่เขาตอบว่าเพียงแค่คิดก็น่ากลัวแล้ว หากเด็กที่จะเกิดมาเป็นหลานของฮันซอจุน
หลังจากจีอึนกลับไปแล้ว หมอโยฮันก็ไปที่โรงพยาบาลเมื่อรู้ว่าบารึมพักรักษาตัวอยู่ห้องเดี่ยว เพราะถูกกันไว้เป็นพยาน หมอโยฮันกำลังจะฉีดยาพิษเข้าไปในสายน้ำเกลือของบารึม ขณะที่เขากำลังหลับอยู่ แต่ไม่สำเร็จเพราะบงอีเข้ามาโวยวายซะก่อน เธอโทษบารึมที่ไม่รับสายของคุณยาย จนทำให้ท่านต้องตาย พีดีชเวไปหาหมอโยฮันที่บ้านแต่ไม่พบ เธอเห็นพลาสเตอร์ยาลายการ์ตูนของคุณยายหล่นอยู่ที่พื้น จึงเก็บทิ้งถังขยะ
จากข้อมูลและคำให้การของพยาน ทำให้มูจีรู้ว่าฆาตกรมักจะถ่ายรูปเหยื่อเก็บไว้หลังจากการฆาตกรรม เขาแปลกใจว่าคุณยายเอารูปนั้นมาจากไหน ทั้งมูจีและบารึมจึงหาเบาะแสจากกล้องวงจรปิดขณะที่ท่านขึ้นรถเมล์ไปที่สำนักงานจัดหางาน แต่เพราะเป็นสำนักงานที่จ้างแรงงานอพยพที่ผิดกฎหมาย พวกเขาจึงปฏิเสธว่าไม่เคยเห็นคุณยาย
บารึมจัดแจงเป็นธุระงานศพของคุณยายจนเสร็จเรียบร้อย บงอีเทเหล้ามักกอลลีไว้หน้าหลุมศพและบอกบารึมว่าเธอเสียใจ และรู้สึกผิดที่ต่อว่าคุณยายเรื่องมักกอลลีในครั้งสุดท้ายที่คุยกัน บารึมอยู่เป็นเพื่อนบงอีตลอดคืน เมื่อเธอตื่นขึ้นมาและเห็นบารึมหลับอยู่ บงอีจึงบอกกับคุณยายว่าต่อไปนี้ไม่ต้องเป็นห่วงเธออีกแล้ว เพราะตอนนี้เธอมีคนที่จะคอยปกป้องเธอ
ลูกน้องของมูจีไปสอบปากคำคิมจุนซอง เขาให้การตามที่หมอโยฮันสั่งไว้ว่า ในคืนที่นักศึกษาถูกฆ่า เขาไปเยี่ยมหมอโยฮันที่นอนป่วยอยู่ที่บ้าน แต่เจ้าหน้าที่นายนี้อ้างว่าลืมโทรศัพท์ไว้ในรถ จึงขอยืมของคิมจุนซองและโทรออกไปที่เบอร์หมอโยฮัน ซึ่งถามว่าได้พูดตามที่เขาบอกหรือยัง หลังจากนั้นหมอโยฮันโทรกลับมาหาคิมจุนซอง จึงได้รู้ว่าสายเรียกเข้าก่อนหน้านี้ คิมจุนซองไม่ได้เป็นคนโทร ลูกน้องของมูจีรายงานว่าหมอโยฮันมีพิรุธตามที่มูจีคิดเอาไว้
มูจีตามสืบเบาะแสคดีของคุณยายจนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของหมอโยฮัน แต่หัวหน้าโทรให้เขารีบกลับสถานีซะก่อน เพื่อเตรียมบทสำหรับให้สัมภาษณ์รายการสดเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง หลังการให้สัมภาษณ์มูจีคิดได้ว่าฆาตกรมีมาตรฐานในการเลือกเหยื่อ หมอโยฮันไปฆ่าปิดปากคิมจุนซองที่บ้านและเห็นรายการที่มูจีกำลังให้สัมภาษณ์ จากนั้นเขาก็โทรหามูจีเพื่อท้าทายให้หาเหตุผลในการเลือกเหยื่อ หากไม่มีคำตอบหลังจากจบรายการเชอร์ล็อกฮงจู เวลา 23.30 น. ในคืนวันศุกร์ หนูน้อยคิมฮันกุกที่ถูกลักพาตัวไปจากสวนสนุกก็จะต้องถูกฆ่าตายผ่านรายการสดต่อหน้าคนทั้งโลก
เพื่อที่จะจับฆาตกรให้ได้ มูจีจึงปรึกษากับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงและทีมงานรายการเชอร์ล็อกฮงจูของพีดีชเว ให้จัดรายการตามที่ฆาตกรต้องการให้เขาเฉลยคำตอบ เพราะนิสัยของพวกไซโคปาธมักจะหลงระเริงในโชว์ของตัวเอง จนลืมตัวและเกิดข้อผิดพลาด
การประชุมลับที่จะจัดรายการให้ฆาตกรและคลิปเสียงที่ฆาตกรโทรคุยกับมูจี มีการรั่วไหลออกเป็นข่าวดัง จึงมีคำถามว่าตำรวจทำถูกต้องแล้วหรือที่จะจัดรายการตามคำเรียกร้องของฆาตกร
หมวดพัคดูซอกที่เคยช่วยมูจีไว้ในวันที่พ่อแม่ของเขาถูกฆาตกรรม จู่ๆก็มาขอให้มูจียกเลิกการทำรายการ เพราะไม่อยากให้เป็นเหมือนเขาที่สูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดไป ในอดีตนั้นเขาก็เคยออกทีวีและล้อเลียนฆาตกร จนเป็นเหตุให้ฮันซอจุนฆ่าลูกของเขาตาย แต่มูจีบอกว่าเขาไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ต่อมามีเสียงคัดค้านจากประชาชนจำนวนมาก ท่าน ผบ.ตร.จึงสั่งยกเลิกภารกิจนี้ จากนั้นมูจีก็ยื่นหนังสือลาออกเพราะมีแผนการบางอย่าง
มูจีและพีดีชเวใช้บ้านของบารึมเพื่อช่วยกันคิดและเตรียมจัดรายการ ตามคำขอร้องของแม่เด็กที่ถูกลักพาตัวไป บารึมออกไปหน้าบ้านเมื่อบาทหลวงโกมูวอนแวะเอาอาหารมาให้และฝากดูแลมูจีด้วย หมอโยฮันแอบดูอยู่บริเวณนั้นหลังจากที่รู้ว่าบารึมออกจากโรงพยาบาลแล้ว
ในวันออกรายการ มูจียังไม่เฉลยคำตอบ แต่เขาบอกฆาตกรผ่านรายการเพื่อเช็กว่าหนูน้อยคิมฮันกุกยังมีชีวิตอยู่ คิมฮันกุกถูกจับมัดและขังไว้ในห้องห้องหนึ่ง และคนที่เข้าไปเปิดห้องนั้นไม่ใช่หมอโยฮันแต่เป็นจองบารึม