สปอยล์ Poong, the Joseon Psychiatrist 2 ตอนที่ 1
หนึ่งปีผ่านไป เซพุงและคนที่โรงหมอกลับมาเปิดโรงหมอคเยซูสาขาฮันยาง หลังจากที่กบฏโจแทฮักตายไป ฝ่าบาททรงมีพระอาการเห็นภาพหลอนและไม่ทรงไว้ใจใครในราชสำนักอีกเลย คเยจีฮันมักจะออกไปรักษาบรรดาบ่าวไพร่กลางดึกโดยไม่คิดเงิน เซพุงคิดถึงอึนอูที่ไม่ได้กลับมาอยู่กับเขาที่ฮันยาง
เมื่อหนึ่งปีก่อน อึนอูต้องย้ายตามพ่อไปอยู่ที่เกาะฮึกซาน เซพุงมอบแหวนของแม่ตนเองให้กับนางและบอกความในใจ อึนอูมอบปิ่นปักผมให้เขาและรับปากว่าจะคิดถึงทุกลมหายใจ อึนอูกำลังจะกลับมาที่ฮันยางในวันเพ็ญที่จะถึงนี้
มีข่าวลือในวังเกี่ยวกับผีโจแทฮักและคำยืนยันจากนางในที่เห็น ในชั่วข้ามคืนเกิดโรคระบาดในหมู่นางในซึ่งมีอาการชักและคลื่นไส้ สำนักหมอหลวงวินิจฉัยว่าเกิดจากอาหารเป็นพิษ ฝ่าบาทจึงทรงเรียกเซยอบและคเยจีฮันเข้ามาตรวจอาการของพวกนางอีกครั้งซึ่งพวกเขาคิดว่าไม่ใช่โรคอาหารเป็นพิษหรือโรคระบาดอย่างแน่นอน เมื่อเซยอบทูลว่าจะสืบหาสาเหตุของอาการป่วย ฝ่าบาทจึงทรงตรัสถึงวิญญาณอาฆาตของโจแทฮักที่กำลังวนเวียนอยู่ในราชวังซึ่งมีนางกำนัลบางคนเห็น จากนั้นพระองค์ก็มีรับสั่งให้เซยอบเร่งหาสาเหตุให้ได้และพระองค์จะทรงพระราชทานในสิ่งที่ต้องการ คเยจีฮันจึงทูลขอสมุนไพรอย่างดีเพื่อรักษาราษฎรพร้อมกับเงินสนับสนุนโรงหมอคเยซู
สำนักหมอหลวงไม่พอใจที่ฝ่าบาททรงเรียกเซยอบเข้าวังเพื่อตรวจอาการนางใน เมื่อเซยอบขอถวายอนดัมทังเพื่อรักษาพระอาการเห็นภาพหลอนของฝ่าบาท หมอหลวงจอนกังอิลจึงคัดค้านโดยอ้างว่าอนดัมทังไม่เหมาะกับพระหทัยและถุงน้ำดีที่อ่อนแอของพระองค์ นอกจากชองชิมทังที่สำนักหมอหลวงต้มเอง ซึ่งพระพลานามัยของฝ่าบาทไม่อาจให้คนที่ไม่ใช่หมอหลวงของราชสำนักมาดูแลได้ แต่เซยอบไม่เห็นด้วยเพราะพระอาการยังไม่แข็งแรงพอที่จะดื่มชองชิมทัง ฝ่าบาททรงตัดปัญหาด้วยการมีรับสั่งให้สำนักหมอหลวงร่วมมือกับเซยอบเพื่อหาสาเหตุการป่วยของเหล่านางใน ยิ่งทำให้สำนักไม่พอใจมากขึ้น
อึนอูกลับถึงฮันยางพร้อมกับพ่อของนางและเห็นชายคนหนึ่งที่ท่าเรือมีอาการเหงื่อแตกพลั่ก ม่านตาสีฟ้า ริมฝีปากแห้งแตก มือสั่น และอาเจียนออกมาก่อนที่จะหมดสติไป นางจึงช่วยฝังเข็มให้กับเขาจนอาการดีขึ้น
คเยจีฮันและเซยอบจำเป็นต้องเปลี่ยนยาสมุนไพรให้เหล่านางในที่ป่วย หลังจากที่รู้ว่าไม่ใช่อาหารเป็นพิษแต่พวกนางกินยาพิษเข้าไป แต่ทว่าหัวหน้าสำนักหมอหลวงก็คัดค้านและไม่ยอมแบ่งยาสมุนไพรในสำนักหมอหลวงให้กับพวกเขา นางในท็อกแกถูกพามาที่สำนักหมอหลวงหลังจากที่เกิดอาการช็อคเพราะคิดว่าตนเองเห็นผี หมอหลวงจอนกังอิลจึงรีบฝังเข็มให้ แต่เซยอบเห็นม่านตาสีฟ้าของนาง เขาจึงรู้ได้ทันทีว่ามันคือโรคต้อหิน
เซยอบและชาวโรงหมอนำยาสมุนไพรของตนเองเข้าวังและเปิดโรงหมอคเยซูชั่วคราวที่นั่นเพื่อปรุงยาและรักษาเหล่านางใน พวกเขาพบองค์หญิงที่กำลังจะเข้าเฝ้าฝ่าบาท องค์หญิงทรงจำรูปลักษณ์ของเซยอบได้แม้ว่าจะเคยเจอกันแค่ครั้งเดียวตอนที่นางยังเป็นเด็กก็ตาม
นางในท็อกแกกำลังจะถูกหัวหน้าสำนักหมอหลวงบังคับให้สารภาพว่านำบางอย่างให้ทุกคนกิน เพราะเขาต้องการปกปิดความผิดของตนเองที่วินิจฉัยโรคผิดตั้งแต่แรก เซยอบเข้าไปขัดขวางเพราะเห็นว่าไม่เหมาะสมที่สำนักหมอหลวงจะข่มขู่คนไข้เช่นนี้ จากนั้นเขาก็พานางในท็อกแกกลับไปโดยอ้างว่านางเป็นคนไข้ของเขา เซยอบสงสัยว่าเหตุใดนางในท็อกแกจึงเดินผ่านตำหนักพระมเหสีในตอนดึกและเห็นผี ทั้งที่ตำหนักนี้ปิดไปนานแล้ว
อึนอูไปที่โรงหมอแต่ไม่พบใครเพราะทุกคนเข้าไปในวังหลวง หมอหลวงจอนกังอิลแปลกใจที่เห็นชาวโรงหมอทุกคนกำลังปรุงยาสมุนไพรแก้พิษได้อย่างเชี่ยวชาญแต่ทว่าทุกคนจำเขาไม่ได้
อึนอูและเซยอบสวมกอดกันด้วยความสุขและความดีใจเมื่อได้พบกันอีกครั้ง นางได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากทุกคนที่โรงหมอ อึนอูและเซยอบไปเดินเล่นด้วยกันหลังจากมื้ออาหาร เขานำปิ่นเสียบที่ผมของนางและบอกว่าพกติดตัวไว้ตลอดเวลา เช่นเดียวกับที่นางพกแหวนของแม่ที่เขามอบให้ จากนั้นเซพุงก็สวมแหวนวงนั้นให้กับนาง
เซยอบเล่าว่าตอนนี้เหล่านางในที่เห็นผีจะอาเจียนและหมดสติ อึนอูจึงอยากรู้รายละเอียดทั้งหมดและต้องการไปเห็นผีด้วยตัวเองเพื่อจะหาสาเหตุการระบาดของโรคซึ่งอาจทำให้อาการของฝ่าบาทดีขึ้นได้อีกด้วย เมื่อเซยอบและอึนอูยืนอยู่บริเวณที่นางในเห็นผี อึนอูได้กลิ่นดอกแพคฮับและได้ยินเสียงกรีดร้อง พวกเขาจึงรีบวิ่งไปดูและพบองค์หญิงที่ร้องไห้ด้วยความกลัวเพราะเห็นผีจากอีกด้านหนึ่ง อึนอูรีบวิ่งไปดูและชนกับหมอหลวงจอนกังอิลที่คว้านางไว้ทัน เซยอบเดินตามมาเห็นจึงต่อว่าจองกังอิลที่ทำตัวหยาบคายกับนาง