สปอยล์ The Red Sleeve ตอนที่ 11
ฝ่าบาททรงใช้เหล็กร้อนเพื่อจะทำร้ายพระชายาฮง เพราะทรงเข้าพระทัยว่าพระนางคือผู้ที่นำอาหารมาถวาย แต่องค์รัชทายาททรงใช้พระหัตถ์รับไว้และขอรับโทษแทน พระมเหสีทรงทราบดีว่าเป็นฝีมือขององค์หญิงฮวาวานที่สมคบคิดกับใครบางคน
โจซังกุงรู้ว่าด็อกอิมแอบพาพัคซังกุงออกจากห้องขังไปรักษาตัว จึงบอกว่าตอนนี้นางไม่ต้องการด็อกอิมแล้วถึงแม้จะเคยเอ็นดูมากแค่ไหนก็ตาม องค์รัชทายาทยังคงทรงงานในฐานะผู้สำเร็จราชการเพื่อรอการตัดสินพระทัยของฝ่าบาท ด็อกอิมฝากยารักษาแผลพุพองเพื่อให้อาจารย์ฮงนำไปถวายองค์รัชทายาท แต่เขามิได้ถวายและทูลว่าไม่เจอด็อกอิมเลย
องค์รัชทายาทได้ทูลฝ่าบาทแล้วว่าไม่ใช่ความผิดของพระชายาฮง และจะขอรับผิดเพียงผู้เดียวในฐานะที่เป็นคนจัดพิธีรวมญาติและเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยกักบริเวณองค์รัชทายาทที่ตำหนักทงกุงและพระองค์จะทรงให้คำตอบในอีกไม่ช้า องค์รัชทายาททรงคิดถึงด็อกอิมเพราะหากนางอยู่ข้างกาย ก็คงทำแผลที่มือให้พระองค์ ขณะที่ด็อกอิมเป็นห่วงองค์รัชทายาทและคิดว่าถึงแม้อยู่ข้างกายพระองค์ นางก็คงช่วยอะไรไม่ได้มาก
ซอซังกุงเห็นด็อกอิมเป็นห่วงองค์รัชทายาทและรักพระองค์มาก จึงถามเหตุผลว่าทำไมจึงไม่เป็นสนมของพระองค์ ซึ่งด็อกอิมไม่ต้องการเป็นทุกข์อยู่กับตำแหน่งนั้นและต้องการหาวิธีช่วยพระองค์ซึ่งตอนนี้กำลังตกอยู่ในอันตราย จนกระทั่งพัคซังกุงบอกว่าฝ่าบาททรงเคยสัญญาและเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ว่าจะปกป้ององค์รัชทายาทและจะให้ขึ้นครองบัลลังก์ ซึ่งสัญญาฉบับนั้นเรียกว่า “คึมดึงจีซา” แต่ตอนนี้ฝ่าบาททรงลืมสัญญานั้นแล้วเพราะโรคสมองเสื่อม ดังนั้นด็อกอิมจะต้องนำความทรงจำนั้นกลับคืนมาให้พระองค์โดยหาหนังสือฉบับนั้นให้เจอและทูลให้ทรงรักษาสัญญาฉบับนี้ที่แลกด้วยชีวิตขององค์ชายซาโด เพราะนั่นคือวิธีเดียวที่จะทำให้องค์รัชทายาทได้ขึ้นครองบัลลังก์อย่างปลอดภัย
ด็อกอิมรีบไปเข้าเฝ้าพระชายาที่บ้านตระกูลฮงเพื่อบอกเรื่อง”คึมดึงจีซา” โดยให้พระนางดูรูปอักษรคำว่า “ประทีป” ที่ไหล่ของนาง มันคือหลักฐานที่ต้องรีบตามหาโดยใช้เบาะแสสามอย่างก็คือ หมวกหน้าหนาว แหวนของพระชายาที่องค์ชายซาโดทรงมอบให้และตัดอักษรบนไหล่ของด็อกอิม
อาจารย์ฮงนำสมาชิกทงด๊อกเฮมาเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทกลางดึกเพื่อทูลว่าฝ่าบาทจะทรงเรียกประชุมเหล่าเสนาในวันรุ่งขึ้นโดยมิได้นัดหมายล่วงหน้าเพื่อปลดองค์รัชทายาท ดังนั้นเขาจึงอยากให้องค์รัชทายาททรงตัดสินพระทัยทูลขอให้ฝ่าบาททรงสละราชสมบัติ เพราะตอนนี้พระชนม์ 83 ชันษาแล้วและประชวรด้วยโรคสมองเสื่อมซึ่งไม่อาจตัดสินพระทัยอะไรได้อย่างถูกต้อง องค์รัชทายาทไม่พอพระทัยการกระทำของอาจารย์ฮงที่ส่อไปในทางกบฏ จึงมีรับสั่งว่าสิ่งที่อาจารย์ฮงควรทำก็คือไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น แม้อาจารย์ฮงจะอ้างว่าทำเพื่อพระองค์และชาวโชซอนก็ตาม องค์รัชทายาทมิอาจทำตามความคิดของอาจารย์ฮงได้เพราะฝ่าบาทคือเสด็จปู่ที่พระองค์ทรงรักสุดหัวใจและอยากปกป้อง แม้ว่าพระองค์จะเป็นกษัตริย์ที่แก่ชราและป่วยด้วยโรคสมองเสื่อมก็ตาม
โจซังกุงได้รับรายชื่อสมาชิกในกลุ่มทงด๊อกเฮขององค์รัชทายาท นางยังไม่ตัดสินใจลงมือทำอะไรแต่จะรอเวลาอีกสักหน่อยเพื่อจะโค่นล้มองค์รัชทายาท
พระชายาฮงทรงนำอักษรจากของสามสิ่งมาเรียงกันโดยมีคำว่า เบญจ ประทีป สิงขร ซึ่งอาจบอกเป็นนัยได้ว่า “คึมดึงจีซา” ซ่อนอยู่ที่ไหน แต่ตอนนี้พระนางยังทรงคิดไม่ออกและขอให้ด็อกอิมช่วยดูแลองค์รัชทายาทเป็นอย่างดี ซองชิกไม่อยากให้ด็อกอิมต้องเสียงกับเรื่องอันตราย จึงชวนให้ไปจากที่นี่และอยู่อย่างสงบสุขด้วยกันตามประสาพี่น้อง แต่ด็อกอิมบอกว่าการจะทำเช่นนั้นได้ นางจะต้องช่วยองค์รัชทายาทให้ปลอดภัยก่อน ถึงแม้ว่าซองชิกจะไม่รู้ความหมายของ “คึมดึงจีซา” แต่เขาก็สามารถบอกด็อกอิมได้สิ่งหนึ่งเกี่ยวกับคำว่าประทีปบนไหล่ของนาง เมื่อเขียนคำนี้ลงบนกระดาษและแบ่งออกเป็นสองส่วนแล้ว ก็จะได้คำใหม่ว่า เดือน..ปี..เมื่อนำมารวมกับคำว่าเบญจและสิงขร ด็อกอิมจึงรู้ว่า “คึมดึงจีซา” ซ่อนอยู่ที่ไหน
โจซังกุงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะลงมือเมื่อนางรู้ว่าราชสำนักกำลังจะมีการประชุมด่วนในเช้าวันนี้ ด็อกอิมรีบกลับวังเพื่อจะทูลองค์รัชทายาทเรื่อง “คึมดึงจีซา” แต่พระองค์ต้องรีบเข้าเฝ้าฝ่าบาทที่ทรงกำลังรออยู่ แม้ว่าองค์รัชทายาทจะทูลว่าพระองค์ถูกคนทรยศใส่ร้ายเพื่อโค่นล้มพระองค์ แต่ฝ่าบาทไม่ทรงเชื่อและทรงกริ้วอย่างมากหลังจากเห็นรายชื่อสมาชิกของกลุ่มทงด๊อกเฮที่โจซังกุงมอบให้ฮงจองยอนำมาถวาย
ด๊อกอิมไปทูลขอความช่วยเหลือจากพระมเหสีในฐานะมารดาของแผ่นดินเพื่อปกป้ององค์รัชทายาทที่จะขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป เพราะหากองค์รัชทายาทถูกปลดแล้ว องค์หญิงฮวานวานก็จะพอพระทัยซึ่งจะทำให้พระมเหสีตกที่นั่งลำบากถึงแม้ในตอนนั้นจะได้ขึ้นเป็นพระพันปีก็ตาม พระมเหสียอมแพ้กับความฉลาดและคำพูดที่ด็อกอิมพยายามหว่านล้อม พระนางจึงทรงรับปากว่าจะทูลขออภัยโทษให้องค์รัชทายาท