สปอยล์ The Red Sleeve ตอนที่ 13
วอลฮเยและสมุนของนางใช้ผ้าคลุมหน้าบุกไปที่ตำหนักหมายจะลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท แต่พวกนางสู้ฝีมือราชองครักษ์ไม่ได้จึงหลบหนีไป ต่อมาวอลฮเยและพรรคพวกถูกจับไปคุมขังเพราะฮงด็อกโรรู้ดีว่าเป็นฝีมือของพวกนาง
ด็อกอิมรู้สึกเศร้าใจเพราะวอลฮเยคือเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่เล็ก ฝ่าบาททรงเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของด็อกอิม จึงทรงชวนนางเล่นพนันโดยที่ผู้ชนะสามารถขอสิ่งใดก็ได้ ด็อกอิมทูลขอให้อดีตนางในคิมบกย็อนซึ่งเป็นเพื่อนรักของนางได้กลับเข้ามาทำงานในวัง ฝ่าบาททรงต้องการคำตอบจากด็อกอิมหากพระองค์ทรงเป็นฝ่ายชนะ แต่ในการพนันครั้งนี้ฝ่าบาททรงเป็นฝ่ายยอมแพ้เสียก่อนเพราะเข้าพระทัยว่าด็อกอิมให้ความสำคัญกับคิมบกย็อนมากกว่าพระองค์ หลังจากนั้นบกย็อนก็ได้กลับเข้าวังท่ามกลางความดีใจของเพื่อนๆ ทุกคน
ฮงด็อกโรทูลเสนอฝ่าบาทให้ประหารองค์ชายอึนจอนที่มีส่วนร่วมกับกบฏที่ลอบสังหาร ซึ่งองค์ชายอึนจอนเป็นพระอนุชาต่างมารดากับพระองค์ ฮงจองยอที่เคยร่วมมือกับโจซังกุงก็ถูกประหารโดยการให้ดื่มยาพิษ ก่อนตายเขาได้บอกกับด็อกโรว่าฝ่าบาททรงเป็นคนที่น่ากลัวและอีกไม่นานฮงด็อกโรก็จะต้องเจอชะตากรรมเดียวกับเขา ซึ่งด็อกโรบอกว่าเขาได้เตรียมการสำหรับเรื่องในอนาคตของตัวเองไว้แล้ว จองแบคอิกซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมขององค์หญิงฮวาวานถูกสังหารระหว่างโดนเนรเทศตามพระบัญชาของฝ่าบาท ฝ่าบาททรงขอให้องค์หญิงฮวาวานทรงทำตัวให้ดีเพื่อจองแบคอิกที่ยอมสละชีวิตตายแทน
ฝ่าบาททรงเมามายเพราะเสียพระทัยที่ต้องประหารองค์ชายอึนจอนซึ่งเป็นพระอนุชา ทรงรู้สึกว่าด็อกอิมพยายามหลบหน้าและผลักไสพระองค์ ฝ่าบาททรงจับมือของนางมาแนบที่พระทัยเพื่อให้รับรู้ถึงความรู้สึกและจะจุมพิตนางแต่พระองค์ก็ทรงหลับไปเสียก่อนด้วยความเมา
ฝ่าบาทไม่พอพระทัยเมื่อรู้ว่าเสด็จแม่และพระพันปีทรงร่วมมือกันที่จะหาพระสนมให้พระองค์ ซึ่งอาจจะเป็นน้องสาวของฮงด็อกโร ถึงแม้ว่าพระองค์จะตรัสว่ามีหญิงในพระทัยอยู่แล้วก็ตาม พระชายาฮงจึงทูลว่าก่อนหน้านี้ด็อกอิมได้ปฏิเสธกับพระนางแล้วว่าจะไม่เป็นพระสนมของฝ่าบาท ต่อมาด็อกอิมจึงทูลเหตุผลที่ต้องปฏิเสธก็เพราะไม่ต้องการเสียทุกอย่างที่มีและชีวิตของนางก็จะไม่เหมือนเดิม ในที่ประชุมราชสำนัก ทุกคนให้ความสนใจกับการคัดเลือกพระสนมและการสืบทอดทายาทของราชวงศ์ แต่ฝ่าบาททรงตรัสว่าเป็นเรื่องของฝ่ายในที่จะจัดการเรื่องนี้
ฮงดัน (น้องสาวของฮงด็อกโร) ได้รับคัดเลือกให้เป็นพระสนมวอนบินและอยู่ที่ตำหนักซุกชัง ซึ่งจะต้องเรียนรู้ขนบธรรมเนียมชาววังจากควอนซังกุง ด็อกอิมยังคงรอฝ่าบาทอยู่ที่ตำหนักของพระองค์ แม้ว่าคืนนี้พระองค์จะเสด็จไปที่ตำหนักซุกชังของพระสนมวอนบินก็ตาม นางบอกตนเองไม่ให้คิดมากเพราะการรอพระองค์อยู่เช่นนี้ทุกคืน มันคือหน้าที่ของนางและต้องหัดรอให้ชิน เพราะตนเองเป็นเพียงนางในที่รับใช้กษัตริย์เท่านั้น