สปอยล์ The Red Sleeve ตอนที่ 7

7

องค์รัชทายาทและด็อกอิมผละออกจากกันเมื่อได้ยินเสียงซอซังกุงที่กำลังจะเข้ามาช่วยล้างพระเกศา แต่องค์รัชทายาทยังไม่อนุญาตให้เข้ามาเพราะด็อกอิมกำลังเปลี่ยนชุดเพื่อไม่ให้ใครสงสัยหากเห็นนางเปียกปอน ซอซังกุงรออยู่นานจนเกิดความสงสัยจึงเจาะรูแอบดูและเห็นด็อกอิมกำลังเปลี่ยนชุด

องค์รัชทายาททรงเหลือบมองในกระจกและเห็นรูปอักษรคำว่าแสงสว่างที่หัวไหล่ของด็อกอิม ด็อกอิมใจเต้นแรงเมื่อนึกถึงแผ่นอกขององค์รัชทายาทขณะอยู่ในอ่างน้ำ องค์รัชทายาทไม่มีสมาธิในการเรียนเช่นกัน ด็อกอิมและเพื่อนๆ คุยกันอย่างสนุกสนาน นางเผยความในใจว่าแอบรักองค์รัชทายาทโดยที่ไม่รู้ว่าพระองค์ทรงกำลังแอบฟังอยู่ หลังจากนั้นพระองค์ทรงพาด็อกอิมไปชมดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานราวกับว่ามีความหมายอะไรบางอย่าง

เหล่าเสนาต่างก็แปลกใจที่ฝ่าบาททรงมีพระอาการอ่อนเพลียมากกว่าเดิมและทรงหลงลืมในสิ่งที่ทรงทำไปแล้ว ด็อกอิมเพิ่งรู้ว่าสาเหตุที่นางกำนัลรุ่นพี่คังวอลฮเยได้วันหยุดพิเศษมากกว่าใครก็เพราะนางเป็นหลานของโจซังกุงซึ่งเป็นซังกุงสูงสุด วอลฮเยรู้ว่ามีคนสะกดรอยตตามขณะเดินเล่นกับด็อกอิมที่ตลาด นางขอให้ด็อกอิมกลับเข้าวังไปก่อน วอลฮเยสังหารกลุ่มคนร้ายที่ต้องการแก้แค้นแทนพี่ชายซึ่งเป็นอดีตองครักษ์ขององค์รัชทายาทและถูกนางวางยาจนตาย

ด็อกอิมได้เจอกับพี่ชายโดยบังเอิญขณะที่เขาเข้ามาช่วยนางจากคนเสียสติ นางสวมกอดเขาทั้งน้ำตาด้วยความดีใจ แม้ว่าพี่ชายไม่อยากให้ด็อกอิมทำงานในวัง แต่นางก็บอกว่าสุขสบายดีที่มีซอซังกุงซึ่งเปรียบเสมือนแม่และเพื่อนๆที่เปรียบเสมือนครอบครัว นางอยากให้พี่ชายทำตามความฝันโดยสอบเข้ารับราชการทหารให้ได้

โจซังกุงอยากให้ด็อกอิมเป็นสนมขององค์รัชทายาทเพื่อเป็นตัวแทนของเหล่านางในทุกคน ด็อกอิมเพิ่งรู้ว่าตั้งแต่เด็กจนกระทั่งตอนนี้ โจซังกุงตั้งใจให้นางคัดลอกตำราที่องค์รัชทายาททรงศึกษาและตั้งใจให้นางได้เลื่อนตำแหน่งมาถวายงานรับใช้พระองค์อย่างใกล้ชิด ด็อกอิมปฏิเสธโจซังกุงและขอเป็นนางในไปตลอดชีวิต โจซังกุงไม่บังคับฝืนใจด็อกอิมแต่หวังว่าสักวันนางจะเปลี่ยนใจ

ด็อกอิมได้รับรู้ความรู้สึกขององค์รัชทายาทที่มีต่อนาง ทำให้นางคิดว่าถึงเวลาที่นางไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไป ช่วงเวลาที่นางอยากให้มันมาถึงช้ากว่านี้ นางปฏิเสธความรู้สึกของพระองค์โดยทูลว่ามันล้ำค่าเกินกว่าจะรับไว้ได้ พระองค์ทรงกริ้วและไม่เข้าพระทัยเพราะในเมื่อทรงแอบได้ยินมาก่อนหน้านี้ว่านางก็มีใจให้พระองค์ องครักษ์คังแทโฮจึงทูลว่าในวันที่ทรงได้ยินนั้น หลังจากที่พระองค์เสด็จไปแล้ว ด็อกอิมบอกกับเพื่อนว่านางชอบพระองค์ในฐานะข้ารับใช้เท่านั้น

เสนาฮงจองยอสงสัยว่าฝ่าบาทมีพระอาการของโรคสมองเสื่อมในขณะที่พระชนมายุแปดสิบพรรษาแล้ว โจซังกุงจึงหาข้ออ้างอ่านตำราถวายเพื่อพิสูจน์อาการของพระองค์ หลังจากนั้นโจซังกุงจึงสั่งเผาตำราทั้งหมดตามรับสั่งของฝ่าบาท นางกำนัลยองฮีเสียใจมากเพราะเป็นสิ่งล้ำค้าที่นางและองค์หญิงช่วยกันคัดลอกเพื่อถวายฝ่าบาท ด็อกอิมจึงปลอบใจว่านั่นเป็นการตัดสินพระทัยของฝ่าบาท แต่อาจารย์ฮงบอกว่าทุกอย่างมีทางออกเสมอและขอร้องนางกำนัลจองไม่ให้เผาแต่มอบให้ยองฮีที่เห็นคุณค่าของตำราเหล่านั้น แต่ด็อกอิมไม่เห็นด้วยเพราะตำราเหล่านั้นเป็นของราชสำนัก แม้ว่ามันจะทำให้เพื่อนรักของนางมีความสุขก็ตาม ด๊อกอิมไม่อยากติดค้างบุญคุณของอาจารย์ฮง นางจึงมอบถุงหอมเพื่อนำไปฝากน้องสาวของเขา

ฝ่าบาททรงห่วงองค์รัชทายาทและอยากให้พระองค์ทรงมีสตรีที่อยู่เคียงข้างหลังจากที่ครองบัลลังก์ คนที่สามารถเปิดใจได้ทุกเรื่องและเป็นคนที่องค์รัชทายาทจะทรงรักและหวงแหนอย่างจริงใจเหมือนกับฝ่าบาทที่ทรงรักพระสนมยอง องค์รัชทายาททรงบอกกับตัวเองว่าความรักของพระองค์จะต้องไม่เหมือนกับฝ่าบาทที่ทรงสั่งฆ่าองค์ชายซึ่งเป็นโอรสของสตรีที่พระองค์รักจนทำให้นางมีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย แต่องค์รัชทายาทจะทรงปกป้องสตรีอันเป็นที่รักและปกป้องนางเพื่อไม่ให้มีจุดจบแบบเสด็จย่า

พี่ชายของด็อกอิมนำปลอกแขนกันหนาวมามอบให้นางที่หน้าวัง องค์รัชทายาททรงเข้าใจผิดและกริ้ว จึงไปรอนางที่ห้องหนังสือเพื่อถามว่านางเป็นคนของพระองค์หรือไม่ และหากนางเป็นคนของพระองค์แล้ว ทุกอย่างของนางก็ต้องเป็นของพระองค์ด้วยรวมทั้งความคิดและความรู้สึกรวมทั้งเจตนารมณ์ต่างๆ ด็อกอิมไม่พอใจและเถียงว่าถึงแม้นางในทุกคนเป็นคนของพระองค์ แต่พระองค์ไม่ใช่เจ้าของความรู้สึกของคนเหล่านั้น องค์รัชทายาทไม่พอพระทัยในคำตอบจึงทรงเดินเข้าไปคว้านางเข้ามาประชิดพระองค์