สปอยล์ The Red Sleeve ตอนที่ 9
ด็อกอิมแปลกใจที่เห็นว่าวจำนวนมากในสวนดอกไม้ องค์รัชทายาทจึงทรงสอนนางว่ามันคือว่าวสัญญาณที่ใช้ในการบอกเหตุ องค์รัชทายาททรงตรัสกับด็อกอิมว่าในตอนนั้นพระองค์ทรงตามหานางแต่ทว่าในความเป็นเด็กจึงทรงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั้นอีกทั้งยังต้องหาวิธีเอาตัวรอด แต่ตอนนี้พระองค์ทรงพบนางแล้วจึงอยากรู้ว่าควรทำเช่นไรกับนางดี แต่ด็อกอิมทูลว่าการพบกันของเด็กสองคนในตอนนั้นถือเป็นเรื่องบังเอิญและนางก็ไม่เห็นว่ามีสำคัญแต่อย่างใด
ฝ่าบาททรงมีพระบัญชาให้องค์รัชทายาทเสด็จไปร่วมพิธีที่สุสานหลวงพร้อมกับพระราชทานตราไม้หากจำเป็นต้องใช้กองกำลังทหาร องค์หญิงฮวาวานไม่พอพระทัยเพราะคิดว่าทุกคนทอดทิ้งฝ่าบาทในขณะที่ยุ่งอยู่กับการเตรียมการเรื่องราชพิธี โจซังกุงปลอบใจองค์หญิง ต่อมานางประชุมกับเหล่านางกำนัลที่พระราชวังควางอันของนาง เพื่อให้ทุกคนเลิกสนับสนุนองค์หญิงฮวาวานเพราะไม่เป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทอีกต่อไปแล้ว ทันใดนั้นเองโจซังกุงได้รับข่าวด่วนว่าฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้องค์รัชทายาทเป็นผู้สำเร็จราชการชั่วคราวและปลดท่านรองมหาเสนาบดี โจซังกุจึงงวางแผนจะกำจัดองค์รัชทายาทในวันที่เสด็จไปสุสานหลวงโดยมอบของบางอย่างให้นางกำนัลวอลฮเยผู้เป็นหลานซึ่งจะตามขบวนเสด็จในครั้งนี้ด้วย
ไม่มีใครเสด็จมาที่สุสานหลวงเป็นเวลานาน ทำให้เตาฟืนชำรุดและตำหนักทรุดโทรม ซอซังกุงสั่งให้ด็อกอิมนอนลงบนที่บรรทมขององค์รัชทายาทเพื่อให้เกิดความอบอุ่นและจะต้องรีบออกไปทันทีเมื่อพระองค์เสด็จเข้ามา
ระหว่างทางเสด็จ องค์รัชทายาททรงได้รับคำร้องเรียนจากราษฎรว่ามีเด็กผู้หญิงจำนวนมากหายตัวไปตั้งแต่ยี่สิบกว่าปีก่อนโดยคนร้ายปลอมเป็นซังกุงและแอบอ้างราชวงศ์ พ่อแม่ของพวกเขาจึงคิดว่าลูกเข้ามาเป็นนางใน ฮงด็อกโรทูลว่ามันเป็นคดีสำคัญแต่อยากให้พระองค์แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้ก่อนจนกว่าจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ เพราะตอนนี้อำนาจของพระองค์ยังไม่เพียงพอแม้จะเป็นผู้สำเร็จราชการก็ตาม แต่พระองค์ไม่ทรงเห็นด้วยเพราะเห็นแก่ความทุกข์ของราษฎรและจะรีบแจ้งกรมอาญาทันทีเมื่อเสด็จกลับเมืองหลวง องค์รัชทายาททรงรู้แก่พระทัยดีว่าพระองค์เองทรงให้โอกาสกับฮงด็อกโรหลายครั้งแล้วที่จะทำให้เขาเป็นคนของพระองค์
ด็อกอิมเผลอหลับไปขณะที่องค์รัชทายาทเสด็จกลับมาที่ห้อง พระองค์ทรงห่มผ้าให้นางอย่างเบามือและแปลกพระทัยที่นางไม่เคยเกรงกลัวพระองค์หรือรู้ว่าพระองค์ทรงกำลังเผชิญกับเรื่องอะไรอยู่บ้าง จากนั้นจึงเสด็จออกจากห้องและรับสั่งต่อองครักษ์มิให้ผู้ใดเข้าไป
นางกำนัลวอลฮเยได้รับสาส์นจากโจซังกุงให้ลงมือคืนนี้เวลาสี่ทุ่ม วอลฮเยวางแผนให้ซอซังกุงไปนำอาหารจากที่ว่าการใกล้ๆ เพื่อนำมาถวาย ซึ่งนางจะต้องใช้เวลาเดินทางถึงสี่ชั่วโมง ซอซังกุงไม่อาจปฏิเสธได้เพราะวอลฮเยคือหลานของโจซังกุง
ด็อกอิมอาสาไปเป็นเพื่อนซอซังกุงจึงรู้ความลับว่าโจซังกุงคือนายหญิงของพระราชวังควางอันที่กำลังกระหายอำนาจและตอนนี้ซอซังกุงก็ถูกบังคับให้เป็นสมาชิกไปแล้ว ด็อกอิมรับปากว่าจะหาทางช่วยซอซังกุงให้ได้ ขณะที่วอลฮเยและเหล่านางกำนัลช่วยกันตัดสายธนูในคลังอาวุธและนำถุงดินปืนขององค์รัชทายาทไปโยนทิ้งลงแม่น้ำ ซอซังกุงชวนด็อกอิมเดินทางกลับตำหนักเพราะแน่ใจว่ากำลังจะมีการก่อกบฏ แต่หากเดินทางกลับไปตอนนี้คงไม่ทันการเพราะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง ด็อกอิมจึงจ้างเด็กๆ แถวนั้นด้วยลูกกวาดเพื่อหาวัตถุดิบมาทำว่าวและส่งสัญญาณให้องค์รัชทายาททรงทราบ
องค์รัชทายาททรงเห็นว่าวของด็อกอิมจึงรีบเสด็จไปที่คลังอาวุธแต่ทว่าสายธนูถูกตัดทิ้งทั้งหมดและดินปืนก็หายไป ยกเว้นธนูส่วนพระองค์ที่ราชองครักษ์คังแทโฮแยกเก็บไว้ต่างหาก องค์รัชทายาททรงมอบป้ายไม้ของฝ่าบาทเพื่อให้ด็อกโรไปนำกองกำลังทหารมาให้ไวที่สุด คังแทโฮวางแผนปลอมตัวเป็นองค์รัชทายาทเพื่อล่อฝ่ายตรงข้ามและปะทะกับนางกำนัลสมาชิกของโจซังกุงซึ่งใช้ปืนเป็นอาวุธ นางไม่เปิดปากว่าใครคือผู้บงการนอกจากการปาดคอเพื่อปลิดชีพตัวเอง
ฮงด็อกโรเดินทางไปถึงกองกำลังและเตรียมเคลื่อนพล วอลฮเยและเหล่านางกำนัลสมาชิกของวังควอนอันซึ่งอยู่ในชุดดำอำพรางกำลังรวมตัวกันอยู่ที่หน้าตำหนักขององค์รัชทายาท พวกนางถูกล้อมด้วยแผนการขององค์รัชทายาทและเริ่มปะทะกัน
ขณะที่ชุลมุนกันอยู่นั้นวอลฮเยยิงปืนขึ้นฟ้าและหลบหนีไปเพื่อเป็นการส่งสัญญาณว่าต้องการทัพเสริม แต่ผู้ที่เป็นฝ่ายชนะในครั้งนี้ก็คือองค์รัชทายาทเมื่อด็อกโรนำกองกำลังมาช่วยได้ทันเวลา
เมื่อด็อกอิมกลับมาจึงรู้ว่าองค์รัชทายาททรงเห็นว่าวของนาง พระองค์จึงทรงตรัสว่าต่อไปนี้จะเป็นผู้ปกป้องนางเอง ความเหน็ดเหนื่อยที่รีกลับมาหาองค์รัชทายาททำให้นางหลับอยู่ในอ้อมแขนของพระองค์ที่กำลังตรัสว่าแม้จะใกล้ตายพระองค์ก็ทรงขอให้ได้พบหน้านางอีกสักครั้ง