สปอยล์ Start-Up ตอนที่ 1
ซอดัลใช้ปากกาเมจิกระบายบนรองเท้าของเธอเพื่อปกปิดรอยชำรุด เพื่อใส่ไปฟังบรรยายในครั้งนี้ด้วย เพราะรู้ว่าอินแจ พี่สาวของเธอที่เพิ่งกลับจากอเมริกาจะมาให้สัมภาษณ์ในงานนี้
ซีอีโอยุนซอนฮักร่วมให้สัมภาษณ์พร้อมกับอินแจ โดยบอกว่าแรงบันดาลใจที่ตั้งชื่อว่าแซนด์บอกซ์เกิดจาก การเปรียบเทียบเสมือนเททรายลงบนพื้นสนามเด็กเล่น เพราะเวลาหกล้มจะได้ไม่เจ็บตัว เช่นเดียวกับการทำธุรกิจ ดัลมีซึ่งได้ฟังดังนั้นทำให้เธอคิดถึงพ่อ อินแจแปลกใจเมื่อซอดัลมีลุกขึ้นยืนแนะนำตัวเองเพื่อสัมภาษณ์เธอ แม้คำถามของดัลมีจะเกี่ยวข้องกับปมชีวิตในวัยเด็กของพวกเขาและเรียกเธอว่าซออินแจ แต่อินแจก็ตอบคำถามของเธอด้วยท่าทางที่เรียบเฉย และบอกดัลมีว่าเธอชื่อวอนอินแจ ฮันจีพยองรู้สึกคุ้นชื่อของซอดัลมี และนึกถึงคำพยากรณ์ของจางยองชิลก่อนออกจากบ้าน
เมื่อสิบห้าปีก่อน
อินแจและดัลมีเป็นพี่น้องที่รักกันมาก วันหนึ่งพวกเขาเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันจนแม่ขอหย่าจากพ่อ เพราะไม่พอใจที่พ่อจะลาออกจากงานเพื่อเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง อินเจและดัลมีจึงไปขอให้คุณย่าชเววอนด๊อกช่วยเกลี้ยกล่อม แต่คุณย่าไม่อยากยุ่ง ในตอนนั้นมีเด็กนักเรียนหนุ่มๆไปซื้อฮอทดอกที่ร้านคุณย่าและฝากจดหมายจีบอินแจ แต่เธอไม่สนใจ คุณย่าเหลือบไปเห็นฮันจีพยองกำลังยืนนับเงิน จึงตะโกนถามเพราะคิดว่าเขาหิว แต่เขาก็รีบเดินหนีไป จากนั้นอินแจจึงพาดัลมีนั่งรถเมล์ตามพ่อไปที่ทำงานและเห็นพ่อถูกเจ้านายทุบตี พวกเขากลับมาเล่าให้แม่ฟังและขอร้องให้สงสารพ่อ แต่แม่ไม่สนใจและบอกว่า ต่อให้พ่อเจ็บตัวก็ต้องหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวให้ได้ เมื่อพ่อกลับมาได้ยิน จึงขอหย่ากับแม่ และแบ่งลูกกันคนละคน โดยที่แม่พาอินแจไปอยู่ด้วย และดัลมีเลือกที่จะอยู่กับพ่อ
จีพยองตั้งใจหาห้องเช่า โดยจะใช้เงินที่ชนะการแข่งขันลงทุนซื้อหุ้นเสมือนจริงที่เขาได้มา แต่เงินของเขาไม่พอ หากรวมค่ามัดจำและค่าเช่าแล้ว จนกระทั่งได้พบกับคุณย่าที่ให้เขาอยู่ที่ร้านของเธอได้ เพราะเธอจะมาขายของในช่วงแปดโมงเช้าถึงสองทุ่ม เช้าวันต่อมาคุณย่านึกได้ว่าเงินเก็บของเธออยู่ในร้าน จึงรีบไปดูและเห็นเงินยังอยู่ครบ จีพยองจึงพาคุณย่านำเงินไปฝากที่ธนาคาร โดยเป็นคนจัดการให้หมดทุกอย่าง และหวังจะนำเงินของตนเองที่ได้จากการลงทุนหุ้นเสมือนจริงมาเก็บไว้ในบัญชีคุณย่า เพราะเขายังเป็นผู้เยาว์ที่ไม่สามารถเปิดบัญชีได้ คุณย่าฝากสมุดบัญชีไว้กับจีพยอง เพราะไม่ชอบความยุ่งยากในการทำธุรกรรมกับธนาคาร จีพยองแปลกใจที่คุณย่าไว้ใจเขามาก เพราะเขามีทั้งกุญแจร้าน สมุดธนาคารและบัตรเอทีเอ็ม
หลังจากที่พ่อแม่หย่ากัน และเธอต้องแยกกับพี่สาว ดัลมีร้องไห้ไปหาคุณย่าบอกว่าเธอตัวคนเดียวแล้ว คุณย่าสงสารดัลมีเพราะห่วงว่าเธอจะเหงา จึงวานให้จีพยองเขียนจดหมายหาดัลมี โดยให้บอกว่าอยากรู้จัก แต่จีพยองไม่ต้องการใช้ชื่อตัวเอง จึงใช้ชื่อนัมโดซาน เด็กที่ชนะเลิศการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิก ซึ่งคุณย่าก็เห็นด้วย เพราะสื่อถึงความหมายที่ฉลาด เป็นคนดี และมีวาสนา
ดัลมีดีใจที่มีเพื่อนคุย จึงนำจดหมายนั้นมาอวดพ่อ ซึ่งเขารู้ดีว่าเป็นแผนของคุณย่า เช้าวันต่อมาเขาจึงนำจดหมายตอบของลูกสาวไปไว้ที่บ้านนกบนต้นไม้ที่หน้าร้านคุณย่า และบอกคุณย่าว่าขอเวลาอีกหนึ่งปี เขาจะตั้งตัวให้ได้และซื้อตึกให้คุณย่า พร้อมทั้งจะพาเมียและอินเจกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม นับแต่นั้นมาดัลมีและจีพยองก็เขียนจดหมายถึงกันตลอดโดยที่ไม่เคยพบหน้ากัน และดัลมีก็ไม่รู้ว่านัมโดซานคือชื่อที่ฮันจีพยองใช้เพื่อเขียนจดหมายหาเธอเท่านั้น
ซอชองมยอง พ่อของดัลมีพยายามไปเสนอไอเดียทางธุรกิจให้กับหลายๆ บริษัท แต่ก็ยังไม่สามารถหานักลงทุนได้ ดัลมีและอินแจเจอกันบ้างในบางครั้ง เธอเล่าเรื่องนัมโดซานให้อินแจฟังอย่างชื่นชม วันหนึ่งอินแจบอกกับดัลมีว่าแม่แต่งงานใหม่กับเศรษฐี และเธอก็รู้สึกว่าชีวิตมันง่ายขึ้น อยากกินอาหารดีๆ ก็ได้กิน อยากซื้ออะไรหรืออยากไปไหน ก็ได้ทั้งนั้น และไม่ต้องทนกินไก่ทอดที่พ่อซื้อมาให้ทุกครั้งเมื่อเงินเดือนออก ดัลมีไม่พอใจที่อินแจไม่คัดค้านการแต่งงานใหม่ของแม่
จีพยองหาบ้านที่ถูกใจได้และเตรียมนำเงินที่ได้จากการลงทุนหุ้นมาเช่า แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อคุณย่าปิดบัญชีไปก่อนหน้านี้โดยที่เขาไม่รู้ จีพยองรู้สึกโกรธจึงตัดสินใจออกจากบ้านคุณย่าและต่อว่าท่านที่เอาเงินของเขาไปให้พ่อของดัลมี แต่ที่จริงแล้วคุณย่าแบ่งเงินฝากส่วนตัวของท่านให้พ่อดัลมีไปส่งดอกเบี้ยที่จำนองบ้าน และเก็บส่วนของจีพยองไว้ให้
ในขณะที่จีพยองอยู่ที่สถานีรถบัสเพื่อไปโซล คุณย่าตามมาส่งพร้อมกับใส่รองเท้าคู่ใหม่ให้เขา คุณย่าบอกว่าหากได้ดีแล้วไม่ต้องกลับมาหาย่า นอกเสียจากลำบากเท่านั้น จีพยองกอดคุณย่าร้องไห้ก่อนที่เขาจะจากไป
หลังจากที่คุณย่าให้เงินซอชองมยองแล้ว เขาต้องรีบไปพรีเซนท์งานไอเดียธุรกิจที่นัดไว้ จึงทำให้เขาโดนรถชน ได้รับความกระทบกระเทือนทางสมอง แต่เขาก็ฝืนไป และประสบความสำเร็จโดยซีอีโอยุนซอนฮักยอมร่วมลงทุนด้วย และนัดมาทำสัญญากันในอาทิตย์หน้า ชองมอยองมีเลือดกำเดาไหลอยู่เป็นระยะโดยไม่เฉลียวใจ เขาเล่าให้ซีอีโอยุนฟังถึงพื้นทรายที่เคยเทไว้ให้ลูกสาว เพื่อไม่ให้เธอเจ็บตัวเวลาที่หกล้มขณะเล่นชิงช้า หลังจากนั้นเขาก็โทรบอกข่าวดีกับดัลมี เธอร้องไห้ด้วยความดีใจและบอกรักพ่อ และให้พ่อซื้อไก่ทอดมาฝากด้วย
ขณะที่นั่งรถเมล์กลับบ้าน ชองมยองมีอาการไม่ดี เลือดกำเดายังคงไหลไม่หยุดและมือสั่นจนทำถุงไก่ทอดหล่นลงพื้น ผู้โดยสารคนอื่นคิดว่าเขาเมาเหล้า เมื่อทุกคนลงจากรถหมดแล้ว ชองมยองยังคงหลับอยู่ที่เบาะนั่งและไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย
สิบห้าปีต่อมา
ก่อนออกจากบ้านไปบรรยายธุรกิจสตาร์ทอัพที่แซนด์บอกซ์ในตอนบ่าย ฮันจีพยองถามเรื่องสภาพอากาศกับลำโพงปัญญาประดิษฐ์ที่ชื่อจางยองชิล แต่มันกลับตอบเรื่องดวงของเขาว่าจะได้พบกับใครคนหนึ่งในอดีตในที่ที่คาดไม่ถึง และอาจทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล ทำให้เขาโมโหยองชิลที่ตอบไม่ตรงคำถาม
ซอดัลมีใช้ปากกาเมจิกระบายบนรองเท้าของเธอเพื่อปกปิดรอยชำรุด เพื่อใส่ไปฟังบรรยายในครั้งนี้ด้วย เพราะรู้ว่าอินเจ พี่สาวของเธอที่เพิ่งกลับจากอเมริกาจะมาให้สัมภาษณ์ในงานนี้
ซีอีโอยุนซอนฮักร่วมให้สัมภาษณ์พร้อมกับอินแจ โดยบอกว่าแรงบันดาลใจที่ตั้งชื่อว่าแซนด์บอกซ์เกิดจาก การเปรียบเทียบเสมือนการเททรายลงบนพื้นสนามเด็กเล่น เพราะเวลาหกล้มจะได้ไม่เจ็บตัว เช่นเดียวกับการทำธุรกิจ ดัลมีซึ่งได้ฟังดังนั้นทำให้เธอคิดถึงพ่อ อินแจแปลกใจเมื่อซอดัลมีลุกขึ้นยืนแนะนำตัวเองเพื่อสัมภาษณ์เธอ แม้คำถามของดัลมีจะเกี่ยวข้องกับปมชีวิตในวัยเด็กของพวกเขาและเรียกเธอว่าซออินแจ แต่เธฮก็ตอบคำถามของดัลมีด้วยท่าทางเรียบเฉย และบอกดัลมีว่าเธอชื่อวอนอินแจ ฮันจีพยองรู้สึกคุ้นชื่อของซอดัลมี และนึกถึงคำพยากรณ์ของจางยองชิลก่อนออกจากบ้าน
หลังจากจบงานบรรยายธุรกิจสตาร์ทอัพแล้ว ดัลมีและอินแจมีโอกาสได้นั่งคุยกัน อินแจพูดจาดูถูกน้องสาวว่ายังคงเกาะคุณย่ากิน ดัลมีจึงย้อนบ้างว่าอินเจก็เกาะพ่อใหม่กินและเพิ่งจะเริ่มธุรกิจเอง ดัลมีอยากเอาชนะพี่สาวจึงโกหกไปว่าเธอกำลังจะเริ่มธุรกิจโดยมีนัมโดซานเป็นพาร์ตเนอร์ เพราะเขาทั้งเก่งและฉลาด อินแจแปลกใจที่ดัลมีและโดซานยังคงติดต่อกันเกินกว่าสิบปีแล้ว อินแจเหลือบเห็นรองเท้าของดัลมีซึ่งเธอใช้ปากกาเมจิกสีดำปกปิดรอยขาดไว้ อินแจบอกดัลมีให้มาร่วมงานเน็ตเวิร์กกิ้งปาร์ตี้ที่จะจัดขึ้นเร็วๆนี้ และให้พานัมโดซานมาด้วย ก่อนกลับอินเจบอกกับน้องสาวว่า เธอไม่เคลือบแคลงใจอีกต่อไปแล้วที่ตัดสินใจเลือกมาอยู่กับแม่ในตอนนั้น จากการที่ได้เห็นรองเท้าขาดๆของดัลมี และเรื่องที่สร้างเป็นตุเป็นตะว่าจะเปิดธุรกิจกับโดซาน ซึ่งเป็นแฟนที่ไม่มีตัวตน และดัลมีก็คงต้องเกาะคุณย่ากินไปวันๆ เหมือนเดิม ดัลมีไม่ยอมแพ้ จึงบอกว่าเธอจะไปร่วมงานปาร์ตี้กับโดซานให้ได้
ดัลมีไม่ได้ติดต่อกับนัมโดซานหรือจีพยองนานแล้ว จึงไปนั่งเครียดอยู่ที่ป้ายรถเมล์ เธอทำท่าทางแปลกๆ จนคนอื่นคิดว่าเธอบ้า ฮันจีพยองผ่านมาเห็น จึงขับรถตามเธอไป และเห็นเธอไปที่ร้านไส้กรอกของคุณย่า ดัลมีถามคุณย่าเรื่องโดซานเพราะว่าท่านเคยเห็นหน้าเขา และบอกว่าช่วงนี้เธออยากเจอโดซานมากโดยไม่เล่าเรื่องที่เจอกับอินแจให้คุณย่าฟัง
จีพยองที่ตามดัลมีจนมาเจอคุณย่าที่ร้าน ท่านจำเขาได้และคิดว่าเขากลับมาเพราะความลำบากในชีวิต แต่เขาส่ายหน้าและสวมกอดคุณย่าด้วยความรัก