สปอยล์ Start-Up ตอนที่ 4
คุณย่าเห็นดัลมีมุ่งมั่นที่จะหาไอเดียเพื่อเริ่มธุรกิจสตาร์ทอัพ เธอจึงเตือนหลานว่าการทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ดัลมีก็ยืนยันกับคุณย่าว่าเธอมีหนทางแล้ว แต่ตอนนี้ยังบอกคุณย่าไม่ได้
วอนซังซูไม่เห็นพนักงานหลายคนมาร่วมประชุม และเพิ่งรู้ว่าพวกเขาลาออกไปพร้อมกันตั้งแต่เขามารับตำแหน่งประธานแทนที่วอนอินแจ และพนักงานทั้งสี่คนนั้นก็ตามไปขอทำงานกับอินแจ แม้ว่าเธอยังไม่มีเงินเดือนจ่ายให้และกำลังจะเข้าร่วมแซนด์บอกซ์ก็ตาม อินแจโดนแม่ของเธอต่อว่าที่จะทำธุรกิจโดยไม่มีเงินหรือเส้นสาย แต่อินแจต้องการสร้างตัวเองโดยไม่ต้องการพึ่งพาพ่อเลี้ยงของเธออีก และขอกำลังใจจากแม่บ้าง อย่างที่แม่ให้ดัลมีในคืนที่พบกันในงานปาร์ตี้
ดัลมีเถียงกับทนายจองซาฮาที่ร้านหนังสือ เพราะแย่งคู่มือถามตอบแซนด์บอกซ์เล่มเดียวกัน ซาฮาเสียรู้ดัลมีและยอมจ่ายเงินเพื่อแลกกับหนังสือเล่มนั้น เพราะคิดว่าเหลือเพียงเล่มเดียว ต่อมาสามหนุ่มซัมซานเทคก็เสียรู้ซาฮาแบบที่ดัลมีทำกับเธอเช่นกัน ดัลมีเจอกับสามหนุ่มซัมซานเทคโดยบังเอิญ และแปลกใจที่เห็นโดซานแต่งตัวปอนๆและไม่ได้เอารถมา แต่เขาบอกว่าไปนอนค้างที่บ้านอีชอลซานและใส่เสื้อผ้าของเขา ดัลมีถามว่าเขามีแผนจะทำอะไรในวันเกิดพรุ่งนี้ โดซานพูดไม่ออกเพราะไม่ใช่วันเกิดของเขาแต่เป็นของจีพยองที่เคยบอกเธอในจดหมาย เธอบอกโดซานว่าจะทำให้คำขอในจดหมายของเขาเป็นจริง เขาจึงจำต้องเออออห่อหมกไป ขณะที่นั่งรถเมล์ไปส่งดัลมี เธอขอวัดขนาดมือกับเขาและจับมือของเขาไว้ โดซานแอบเขินแต่ก็ดีใจและไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง
สามหนุ่มซัมซานดีใจกันยกใหญ่ที่เห็นคนมากมายมารอสัมภาษณ์ที่ซัมซานเทค เพราะคิดว่าคนเหล่านั้นเป็นนักลงทุน จึงได้เปิดเผยข้อมูลต่างๆ และอธิบายอย่างละเอียด จนกระทั่งจีพยองมาต่อว่าโดซานที่เปิดเผยเทคโนโลยีให้คนเหล่านั้นดู โดยไม่ถามก่อนว่าพวกเขาเป็นใคร จากนั้นจีพยองจึงบอกโดซานว่า ต่อไปนี้หากคิดจะทำธุรกิจ ก็ขอให้ปรึกษาเขาก่อน จีพยองตกใจเมื่อรู้ว่าโดซานเจอกับดัลมีในสภาพนี้ แต่โดซานบอกว่าเขาโกหกเธอว่าไปนอนค้างที่บ้านชอลซาน เขาถามถึงพรวันเกิดที่จีพยองเคยเขียนในจดหมาย แต่จีพยองนึกไม่ออก จีพยองโดนเพื่อนๆ ของโดซานต่อว่าที่เขาใจดำและกดขี่พวกเขาตลอดมา และไม่อยากร่วมมือกับจีพยองอีกแล้ว และอ้างว่าโดซานทำไปก็เพื่อซัมซานเทค จีพยองจึงขอโทษและขอบคุณโดซาน แต่ยังต้องการให้เขาช่วยต่อไปอีก และหากมีอะไรก็สามารถถามเขาได้ตลอดเวลา
ดัลมีขอยืมผ้าห่มของคุณย่าและบอกว่าเธอจะไปออกเดตกับโดซานในวันเกิดของเขา ขณะที่จีพยองจับโดซานมาใส่สูท และให้ดูเสื้อผ้าและนาฬิกาหรูที่เขาเตรียมไว้ให้ แต่โดซานต้องนำมาคืน จีพยองบอกโดซานถึงเหตุผลที่เขาต้องทำขนาดนี้ก็เพราะต้องการใช้หนี้ซึ่งไม่อาจชดใช้ได้ด้วยเงิน จากนั้นจีพยองก็สอนการใช้อุปกรณ์บนโต๊ะอาหารให้แก่โดซาน
เมื่อถึงวันนัด โดซานขับรถของจีพยองมารับดัลมี โดยที่จีพยองคอยโทรกำกับขั้นตอนกับโดซานตลอดเวลา คุณย่าฝากกระเป๋ามาให้และกำชับดัลมีให้บอกโดซานว่า เป็นของขวัญสำหรับโดซานคนเก่า จีพยองได้ยินทุกอย่างที่ดัลมีกำลังคุยกับโดซาน เธอชวนโดซานไปที่บ้านหรือออฟฟิศของเขาก็ได้ เพื่อเล่นโกสต๊อป ซึ่งก็คือพรที่เขาเคยขอจากเธอ โดซานจึงบอกดัลมีให้จีพยองรู้เป็นนัยว่า เขากำลังจะพาเธอไปที่ออฟฟิศ ที่อยู่ริมแม่น้ำฮัน ซึ่งก็คือออฟฟิศของจีพยอง จากนั้นจีพยองจึงไปช่วยเพื่อนๆ ของโดซานขนของจากซัมซานเทคเพื่อมาจัดฉากอีกครั้ง
ดัลมีมาถึงและแปลกใจที่เห็นจีพยองที่นี่อีกครั้ง เขาจึงแก้ตัวว่าสนใจบริษัทนี้ก็เลยแวะมาบ่อยๆ ขณะที่มองดัลมีนำอาหารมาเลี้ยงทุกคนในซัมซานเทค จีพยองเพิ่งนึกออกว่าพรที่เขาขอในจดหมายก็คือการได้เล่นโกสต๊อปกับครอบครัว จากนั้นดัลมีก็ปูผ้าห่มของคุณย่าและพวกเขาทั้งห้าคนก็ล้อมวงเล่นไพ่โกสต๊อปด้วยกัน ขณะที่ดัลมีอธิบายให้ชอลซานฟังถึงความสุขที่ได้จากการเล่นโกสต๊อปกับครอบครัว โดซานเห็นจีพยองแอบมองดัลมีอย่างชื่นชมและเผลอยิ้มออกมา
เมื่อไปส่งดัลมีที่หน้าบ้านแล้ว โดซานถามเธอตรงๆ ว่าชอบเขาตรงไหน เมื่อเธอตอบว่าก็เพราะเขาเป็นรักแรกของเธอ และจดหมายทุกฉบับของเขาก็ช่วยปลอบโยนเธอมานานแสนนาน โดซานบอกกับตัวเองว่านั่นไม่ใช่เขา เขาจึงพยายามถามต่อไปอีกจนกว่าจะได้คำตอบที่ตรงกับตัวตนของเขาจริงๆ ในที่สุดดัลมีก็ตอบว่าชอบมือของเขา เพราะมันใหญ่และเท่หมาก
ทั้งดัลมี อินแจ และโดซาน ต่างก็ได้รับข้อความจากแซนด์บอกซ์ว่าพวกเขาผ่านการคัดเลือกรอบแรก จีพยองโทรหาคุณย่าเพื่อถามว่าดัลมีกลับถึงบ้านหรือยัง แต่คุณย่าไม่สบายใจที่ความฝันของหลานกำลังพุ่งขึ้นสูง เพราะห่วงว่าเธอจะเจ็บปวดเมื่อตกจากความฝันนั้นหากรู้ความจริง จีพยองรับปากว่าเขาจะไม่ทำให้ดัลมีต้องเจ็บปวด
โดซานนำกุญแจรถและนาฬิกาข้อมือไปคืนจีพยอง แต่เขาไม่ยอมรับชุทสูทที่จีพยองซื้อให้ และบอกว่าจะเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวและซื้อเสื้อผ้าเองเพราะต่อไปนี้มันคือการลงทุน และตัวเขาก็ไม่ใช่ขอทาน จีพยองรู้สึกว่าโดซานกำลังขีดเส้นกั้นระหว่างเขา จากนั้นโดซานจึงขอเคล็ดลับจากจีพยองทั้งเรื่องธุรกิจและสไตล์การแต่งตัว ซึ่งเขาจะยอมทำตามโดยไม่มีข้อแม้
จีพยองแนะนำให้โดซานจ้างประธานบริษัท ถ้าหากว่าเข้าแซนด์บอกซ์ได้แล้ว เพราะเขามองว่าโดซานไม่สามารถเป็นประธานได้เอง
ดัลมีไปขอพรที่โบสถ์จนคุณย่าแปลกใจ ในขณะที่โดซานกลับไปเก็บข้าวของที่บ้านและบอกกับพ่อแม่ว่าเขาผ่านการคัดเลือกรอบแรกที่แซนด์บอกซ์แล้ว แต่จะต้องมีการแข่งขันแฮกกาธอนในรอบที่สอง ซึ่งเป็นการสร้างโมเดลธุรกิจ
ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกรอบแรก ได้ไปรวมตัวกันเพื่อฟังการสัมมนาจากประธานยุน อินแจแปลกใจที่เห็นโดซานอยู่ที่นั่นด้วย ในการแข่งขันรอบสองประธาน 40 คน ที่ถูกคัดเลือกจะมีสิทธิ์ได้เลือกทีมของตัวเองห้าคน และเข้าร่วมการแข่งขันแฮกกาธอนสามวันสองคืน และทีมที่ถูกเลือกโดยนักลงทุนห้าทีม จะได้เข้ามาอยู่กับแซนด์บอกซ์
ประธานยุนจะรีเซตผู้เข้าสมัครที่มาจากหลากหลายอาชีพ และเธอจะเป็นผู้เลือกประธานห้าคน โดยส่งข้อความให้ผู้เข้ารอบทุกคน โจทย์คือคำศัพท์ห้าสิบคำที่สตาร์ทอัพให้ความสนใจ และให้เวลาในการตอบโจทย์คนละสามสิบวินาที โดยการส่งคีย์เวิร์ดห้าคำที่เกี่ยวข้องกับคำนั้นๆ คนที่ตอบคีย์เวิร์ดได้ใกล้เคียงที่สุด จะได้รับเลือกเป็นประธาน จีพยองนั่งดูถ่ายทอดสดและได้เห็นดัลมีเข้าร่วมแข่งขันด้วย ดัลมีและอินแจผ่านเข้ารอบในการคัดเลือกประธาน ยกเว้นโดซาน และเขาเพิ่งรู้ว่าดัลมีมาสมัครที่แซนด์บอกซ์ด้วย
เมื่อเห็นเธอขึ้นไปยืนบนเวทีพร้อมกับคนอื่นๆ รวมทั้งอินแจด้วย ดัลมีตกใจที่เห็นอินแจ เพราะคิดว่าเธอกลับอเมริกาไปแล้ว อินแจจึงบอกดัลมีว่าโดซานก็มาที่นี่ด้วย ประธานยุนประกาศว่าให้เวลาหนึ่งชั่วโมงเพื่อจัดหาทีมของตัวเอง ดัลมีเดินไปหาโดซานเพราะอยากรู้ว่าเขามาทำไม ในเมื่อเธอเชื่อว่าเขาเป็นซีอีโอมือทองไปแล้ว โดซานจึงสารภาพต่อหน้าดัลมีและอินแจว่า เขาหลอกเธอ แต่ดัลมีไม่โกรธแต่กลับมองว่าหากโดซานและเพื่อนๆไม่ถูกเลือกเข้าทีมของใครแล้ว พวกเขาก็จะหมดโอกาสเข้าแซนด์บอกซ์
เธอจึงขอบคุณเขาที่ทำให้เธอมีโอกาสเป็นประธาน และขอให้เขาเลือกเธอเป็นประธานของซัมซานเทค อินแจไม่ยอมแพ้น้องสาวจึงเสนอว่าจะจ้างให้โดซานไปเป็นนักพัฒนาในทีมของเธอ โดซานจึงปรึกษากับเพื่อนๆเพราะคอนเซปต์ของพวกเขาก็คือไม่ต้องการเป็นลูกน้องใคร หากเลือกดัลมีพวกเขาก็คือผู้ว่าจ้าง แต่หากเลือกอินแจ พวกเขาก็ต้องกลายเป็นลูกน้องของเธอ จากนั้นโดซานจึงเดินไปขอจับมือกับดัลมีและขอให้เธอมาเป็นประธานให้ซัมซานเทค ซึ่งดัลมีตอบรับด้วยความยินดี