สปอยล์ Start-Up ตอนที่ 5
โดซานน้อยใจตัวเองที่ไม่มีอะไรดีกว่าจีพยอง นอกจากมือของเขาที่ดัลมีบอกว่าชอบ ถึงแม้จะบอกตัวเองว่าไม่อาจเอื้อมเธอได้ แต่ก็ยังมีความหวังขึ้นเรื่อยๆ และจริงจังมากกว่าเดิม ในขณะที่ดัลมีบอกคุณย่าว่านัมโดซานขอจับมือและขอให้เธอเป็นประธานซัมซานเทคให้แก่เขา แทนที่จะจับมืออินแจ ตอนนี้เธอโลภมากขึ้นกว่าตอนแรกที่แค่อยากเอาชนะอินแจเท่านั้น
ดัลมียังขาดลูกทีมอีกหนึ่งคน จึงไปชวนจองซาฮาให้มาอยู่ด้วย เมื่อเห็นเวลาใกล้จะหมด เธอจึงต้องจำใจมาอยู่ทีมเดียวกับดัลมี ขณะที่อีชอลซานเพิ่งรู้ว่าดัลมีจบแค่มัธยมปลาย จึงไม่อยากให้มาเป็นประธานของพวกเขา แต่นัมโดซานขอร้องไม่ให้ดูถูกคนอื่น
จีพยองอยากรู้ว่า ตอนนี้ดัลมีรู้ความจริงมากน้อยแค่ไหนแล้ว โดซานบอกว่าเธอรู้แค่ว่าเขาไม่ใช่ซีอีโอมือทอง ส่วนเรื่องจดหมายในวัยเด็ก ก็ยังคงเป็นความลับอยู่เหมือนเดิม
ในการแข่งขันแฮกกาธอน 48 ชั่วโมง เพื่อสร้างโมเดลธุรกิจ ประธานยุนเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันทุกทีม สามารถใช้จีพียูและเอพีไอของแซนด์บอกซ์ได้อย่างเต็มที่ โดยการตัดสินจะแบ่งเป็นสองข้อ คือ ภายในเวลาที่จำกัด ผู้แข่งขันจะต้องสร้างแผนธุรกิจที่ทำได้จริง และสามารถสร้างแรงดึงดูดใจจากคณะกรรมการได้ภายในสามนาที
จีพยองใช้พัคดงชอนไปเป็นพี่เลี้ยงแทนเขาเพื่อสอดส่องทีมของดัลมี และชื่นชมไอเดียที่เธอคิดจะใช้ข้อมูลลายมือของธนาคารจองฮัน มาทำธุรกิจการจับผิดลายมือเท็จ ขณะที่พี่น้องฝาแฝดในทีมของอินแจ ยุให้เธอเลียนแบบดัลมีและต้องเอาชนะให้ได้ เพื่อเป็นการแก้แค้นที่เธอถูกนัมโดซานเขี่ยทิ้งในตอนแรก
ผ่านไปเพียงสิบสามชั่วโมง ทีมของอินแจสามารถทำได้สำเร็จก่อน ในขณะที่ทีมของดัลมีกำลังช่วยกันแก้ปัญหาโปรแกรมที่ยังไม่ลงตัว จนกระทั่งนัมโดซานคิดจะเปลี่ยนโครงสร้างเน็ตเวิร์กเพื่อประมวลผลภาพเคลื่อนไหว ระหว่างลายมือจริงและลายมือปลอม แม้คิมยงซานจะแย้งว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ก็ตาม
เหลือเวลาอีกเพียงแปดชั่วโมง บางคนในทีมเริ่มอ่อนล้าและนอนพักผ่อน เหลือเพียงดัลมีและโดซานที่ยังคงนั่งทำงานอยู่
อินแจบอกดัลมีว่าเธอลาออกจากบริษัทของพ่อเลี้ยงแล้ว และยังคงดูถูกน้องสาวเช่นเคยที่เลือกลูกทีมผิดพลาดเหมือนที่เคยเลือกอยู่กับพ่อ และเธอก็เลือกทำข้อมูลลายมือของธนาคารจองฮันเช่นกันด้วย
อเล็กซ์ควอน หนึ่งในกรรมการรางวัลโดด้า เพิ่งมาจากซานฟรานซิสโกเพื่อตามหานัมโดซาน ในขณะที่คุณย่าตั้งใจจะเอาอาหารไปให้ดัลมีที่แซนด์บอกซ์และได้เจออดีตลูกสะใภ้โดยบังเอิญ
ประธานยุนบอกจีพยองว่าเธอกำลังมองหาใครบางคนที่เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดแซนด์บอกซ์ขึ้นมา แต่เธอจะบอกเขาอีกทีเมื่อคนคนนั้นได้เข้าร่วมแซนด์บอกซ์แล้ว จีพยองกำลังเดินเข้าไปหาคุณย่าที่นั่งคุยอยู่กับอาฮยอนที่ล็อบบี้ จึงได้รู้ว่าดัลมีคือลูกสาวของอาฮยอน
คิมยงซานและอีชอลซานกลัวว่าจะตกรอบ จึงแอบบอกนัมโดซานให้ขึ้นพรีเซนต์งานแทนดัลมี เพราะเธอจบแค่มัธยมปลายและไม่รู้เรื่องพารามิเตอร์ แต่จีพยองไม่เห็นด้วยเพราะต้องการผลักดันดัลมี จึงบอกว่าหากทีมของพวกเขาตกรอบ เขาจะลงทุนส่วนตัวให้เอง
ดัลมีประหม่าและขาดความมั่นใจก่อนที่จะพรีเซนต์งาน เพราะคู่แข่งของเธอก็คืออินแจที่ทำไอเทมเดียวกัน จีพยองเห็นดังนั้นจึงช่วยเธอแก้ไขบทนำในการพูดและสอนวิธีพรีเซนต์ให้ได้ภายในสามนาทีตามที่กรรมการกำหนด
ดัลมีขึ้นไปบนเวทีและนิ่งเงียบอยู่สักพัก จนลูกทีมของเธอรู้สึกใจคอไม่ดี แต่เธอก็ทำได้ดีเกินคาดภายในเวลาที่กำหนดและถูกใจคณะกรรมการและคนดูเป็นอย่างมาก
ขณะที่อินแจกำลังพรีเซนต์ เธอเพิ่งเห็นวอนดูจอง พ่อเลี้ยงของเธอมาเป็นกรรมการในครั้งนี้ด้วยและ ต้องการพิสูจน์ความแตกต่างระหว่างงานของดัลมีและอินแจ ผลปรากฏว่างานของอินแจสำเร็จผล 100% อเล็กซ์ควอน จากทุสโท ซึ่งเป็นพันธมิตรรายใหญ่ที่สุดของแซนด์บอกซ์ เขามาตามหานัมโดซานและเป็นกรรมการในการตัดสินครั้งนี้ด้วย
โดซานรู้สึกผิดหวังในตัวเองและขอโทษเพื่อนๆ ที่เขาทำได้เพียงเท่านี้ แต่ชอลซานก็ปลอบใจว่าถึงอย่างไรก็ยังมีจีพยองที่พร้อมจะลงทุนให้พวกเขา โดซานถูกจองซาฮาซ้ำเติมว่าเขาไม่ใช่นักพัฒนาฝีมือดีอย่างที่ซอดัลมีคุยไว้ จากนั้นเธอก็เก็บของกลับบ้านโดยที่ไม่รอการประกาศผลผู้ชนะ
ดัลมีบอกกับจีพยองว่าเธอเข้าใจสาเหตุที่โดซานโกหกเธอ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมจีพยองต้องโกหกไปด้วยและคอยช่วยเหลือตลอดเวลา จีพยองกำลังจะสารภาพความจริงกับเธอ แต่นัมโดซานวิ่งเข้ามาบอกข่าวดีกับดัลมีว่า ทีมซัมซานเทคและอินแจคอมปานี ได้ผ่านเข้าสู่แซนด์บอกซ์แล้ว ดัลมีกระโดดกอดโดซานด้วยความดีใจต่อหน้าจีพยองที่ยืนอยู่ตรงนั้น