สปอยล์ Through the Darkness ตอนที่ 12

12

ภาพจากกล้องวงจรปิดทำให้ตำรวจสืบทราบว่าผู้ต้องสงสัยคืออูโฮซองซึ่งเป็นพนักงานนวดประจำร้านแห่งหนึ่ง ยุนแทกูและสายสืบนัมจึงไปหาเขาที่ร้าน ซึ่งเขาอ้างว่าในวันและเวลาที่เกิดเหตุ เขากำลังทานข้าวอยู่กับแฟนสาวและกลับถึงบ้านประมาณสี่ทุ่ม สายสืบนัมสอบถามร้านอาหารและพบว่าเขาได้จองโต๊ะไว้ที่ร้านนี้จริงแต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้งพบว่าเขากลับถึงบ้านประมาณตีหนึ่งซึ่งไม่ตรงกับคำให้การ ยุนแทกูขอให้อูโฮซองไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจในคืนนั้นแต่เขาอ้างว่าเหนื่อยจากงานทั้งวันและขอไปพบเธอในวันรุ่งขึ้น คืนนั้นอูโฮซองเผารถของตัวเองเพื่อทำลายหลักฐานและแจ้งความในวันรุ่งขึ้น ยุนแทกูนำหมายเข้าจับกุมอูโฮซองถึงแม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานก็ตาม โฮซองเคยมีคดีเผาและเอาประกันของภรรยาและแม่ยาย ระหว่างสอบปากคำฮายองวิเคราะห์ว่าโฮซองไม่เหมือนอาชญากรรายอื่นๆเพราะเขามีความมั่นใจในตัวเองและยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางทุกอย่าง ขาดความเห็นใจไร้จิตสำนึกและหลงตัวเอง เช่นเดียวกับพวกไซโคปาธที่สงบนิ่งและคิดรอบคอบก่อนที่จะโจมตีเหยื่ออย่างรุนแรง

เจ้าหน้าที่ยังไม่พบหลักฐานหรืออาวุธก่อเหตุของอูโฮซองนอกจากเสื้อผ้าดีๆเป็นส่วนใหญ่ ระหว่างการสอบปากคำ อูโฮซองเอาแต่พูดถึงหลักฐานและบอกว่าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ เพราะเขามั่นใจว่าตำรวจจะไม่มีทางเจอหลักฐานแน่นอน หลังจากที่โฮซองดูรูปเหยื่อแล้ว เขาไม่มีปฏิกิริยาใดๆหรือแม้แต่การรับสารภาพ นอกจากเยาะเย้ยตำรวจว่าไม่รู้จักแยกแยะรูปของเหยื่อว่าใครเป็นใคร คำพูดนี้ทำให้ฮายองรู้ว่าอูโฮซองลงมือฆ่าเหยื่อมากกว่าหนึ่งราย ผลแล็บแจ้งว่าคราบเลือดบนเสื้อของอูโฮซองตรงกับดีเอ็นเอของเหยื่อที่พบในป่า และลิปสติกของเหยื่ออีกรายที่พบในรถหลังจากถูกเผาไหม้ไม่หมดซึ่งฮายองต้องการให้อูโฮซองรับสารภาพเพื่อระบุตัวตนของเหยื่อให้ได้ อูโฮซองขอพบยุนแทกูเพื่อแลกกับคำรับสารภาพของเขา ฮายองจึงแนะนำยุนแทกูให้พยายามผูกมิตรกับอูโฮซองเพราะเขามีแนวโน้มหลงตัวเองสูง ยุนแทกูทำตามที่ฮายองแนะนำจนในที่สุดอูโฮซองก็ยอมรับสารภาพว่าเขาวางแผนฆ่าเหยื่อทั้งหมดเจ็ดราย เขาแน่ใจตั้งแต่วินาทีที่ออกจากบ้านว่าจะต้องฆ่าให้สำเร็จและไม่เคยผิดพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียวเพราะมันเป็นเงื่อนไขสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเอง อูโฮซองรู้ดีว่าตนเองเป็นไซโคพาธและจะต้องถูกตัดสินประหารชีวิต

นักข่าวชเวย้ายบ้านใหม่ไปอยู่ในที่ปลอดภัยตามคำแนะนำของอูจู เมื่อทีมวิเคราะห์และทีมสืบสวนของยุนแทกูกลับจากคยองกีหลังจากปิดคดีแล้ว พวกเขาจึงไปดื่มฉลองและกินอาหารร่วมกันที่บ้านใหม่ของนักข่าวชเว

ต่อมา ทีมวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากรเปิดรับสมาชิกใหม่รุ่นที่หนึ่ง โดยมีกุกยองซูและฮายองกล่าวเปิดงานจากประสบการณ์ของพวกเขา ฮายองให้สัมภาษณ์สื่อในฐานะโปรไฟล์เลอร์คนแรกของเกาหลีซึ่งเขากล่าวปิดท้ายฝากถึงอาชญากรคดีฆาตกรรมแดซองที่ยังปิดไม่ได้ว่าโลกนี้ไม่มีอาชญากรรมที่สมบูรณ์แบบ