สปอยล์ Through the Darkness ตอนที่ 2

2

แม้ว่าบังกีฮุนจะถูกตัดสินจำคุกไปแล้ว แต่วอนมัลซุกคือเหยื่อรายล่าสุดที่คนร้ายมีพฤติกรรมเดียวกัน ฮายองจึงเชื่อว่ากีฮุนไม่ใช่คนร้ายตัวจริง เขาไปเยี่ยมนักโทษชายยางยงชอลที่เจอบนสถานีซึ่งบอกว่าบังกีฮุนไม่ใช่คนร้าย และให้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อแลกกับเหตุผลนั้นเพราะต้องการรู้ความคิดและพฤติกรรมของอาชญากร ซึ่งยางยงชอลบอกว่าคนที่ถอดเสื้อผ้าของเหยื่อก็คือฆาตกรตัวจริงที่ทำด้วยความเคยชิน หัวหน้าพัคไม่พอใจที่ฮายองยังไม่หยุดสืบสวนคดีนี้เพราะคิดว่าตนเองปิดคดีและส่งบังกีฮุนเข้าคุกไปแล้ว ฮายองไปที่บ้านของวอนมัลซุกแต่เขาไม่พบตัวเลขบนกำแพงบ้านเหมือนกับเหยื่อรายอื่นๆ ซึ่งยางยงชอลบอกว่าคนร้ายอาจเปลี่ยนพฤติกรรมเดิมได้ เพราะแน่ใจว่าตนเองจะไม่ถูกจับ

หัวหน้าพัคตักเตือนฮายองที่ไปเยี่ยมยางยงชอลและยังฝากเงินเข้าบัญชีเรือนจำให้อีกเพราะไม่เห็นด้วยที่ตำรวจจะไปขอคำแนะนำจากนักโทษ ฮายองจึงบอกว่าอาชญากรด้วยกันจะเข้าใจกันดีและสิ่งที่ยางยงชอลพูดนั้นคือสิ่งที่เป็นไปได้ ฮายองยืนกรานที่จะจับคนร้ายตัวจริงให้ได้และเชื่อว่าคนร้ายที่ฆ่าชเวฮวายอนและวอนมัลซุกคือคนคนเดียวกันที่เลิกนิสัยจับเหยื่อแก้ผ้าไม่ได้ ฮายองและมุนแทซูช่วยกันออกสืบสวนละแวกบ้านของเหยื่ออีกครั้ง โดยจำกัดวงให้แคบลงและเน้นเฉพาะพวกพนักงานส่งของเท่านั้นเพราะตัวเลขที่คนร้ายเขียนไว้บนกำแพงบ้านของเหยื่อ

เจ้าของบ้านรายหนึ่งเข้าแจ้งความจับโจคังมูที่พกอาวุธกรรไกรและไปงัดบ้านของเขากลางวันแสกๆซึ่งภรรยาของเขากำลังหลับอยู่ หัวหน้าพัคจึงสั่งลูกน้องให้เก็บกรรไกรไว้เป็นหลักฐานและพิสูจน์ลายนิ้วมือภายหลัง โจคังมูอายุเพียงสิบแปดปีและไม่มีบัตรประจำตัวเพราะยังไม่ถึงวันเกิด ฮายองสะดุดหูเมื่อคังมูให้การว่าเขาใช้กรรไกรงัดแงะเข้าบ้านคนอื่นซึ่งเหมือนกับพฤติกรรมของคนร้ายที่เขากำลังตามหา นอกจากนั้นฮายองยังสังเกตว่าเส้นผมของคังมูเป็นรอยสวมหมวก คังมูจึงบอกว่าเขาทำหมวกหล่นหาย

ระหว่างทาง และด้วยความสูงของคังมูที่ไม่สูงเท่าไรนัก ตรงกับคำให้การของพยานในคืนที่ชเวฮวายอนถูกฆ่าตาย จากนั้นฮายองจึงสอบปากคำคังมูเป็นการส่วนตัวและสั่งมุนแทซูให้ออกไปหาหมวกที่คังมูอ้างว่าทำหล่นหาย หัวหน้าพัคเริ่มเฉลียวใจเรื่องความสูงของคังมูซึ่งแตกต่างจากบังกีฮุนตามที่พยานให้การไว้ เขาจึงเร่งกองพิสูจน์หลักฐานให้พิสูจน์รอยนิ้วมือที่กรรไกรของคังมู ฮายองให้คังมูเขียนรายละเอียดและจำนวนครั้งในการก่ออาชญากรรมของเขาทั้งหมดและสังเกตตัวเลขที่คังมูเขียนเป็นลายมือเดียวกันกับตัวเลขที่คนร้ายเขียนตามกำแพงบ้านของเหยื่อ ระหว่างนั้นฮายองก็ตั้งคำถามหลอกล่อและขู่โทษไปเรื่อยๆ คังมูยอมรับว่าอยู่กับย่าและทำงานเป็นคนส่งอาหาร ฮายองจึงสั่งคังมูให้เขียนตัวเลขตามที่เขาบอกซึ่งเป็นตัวเลขบนกำแพงบ้านของเหยื่อแ ฮายองแปลความหมายของตัวเลขนั้นได้อย่างถูกต้องจนคังมูมีท่าทางอึดอัด จนในที่สุดคังมูก็ยอมรับว่าตนเองคือฆาตกรและการเปลื้องเสื้อผ้าของเหยื่อก็เพราะเป็นพฤติกรรมเลียนแบบที่พ่อของเขาเคยทำร้ายแม่ และในที่สุดฮายองสามารถจับคนร้ายหมวกแดงตัวจริงได้และพาไปทำแผน ต่อมาบังกีฮุนจึงได้รับการปล่อยตัว

เหตุการณ์นี้ทำให้หัวหน้าพัคเสียหน้า ต่อมานักข่าวอิมมูชิกเขียนข่าวว่าผลงานในครั้งนี้เป็นเพราะนักโทษชายยางยงชอลให้ข้อมูลกับฮายอง แต่ฮายองไม่รู้สึกเสียใจกับข่าวนี้ ท่านผู้บัญชาการตำรวจไม่พอใจกับเรื่องการทำงานที่ผิดพลาดของผู้ใต้บังคับบัญชา จึงเรียกผู้กำกับแบคจุนชิกและฮอกิลพโยไปตำหนิ ทั้งสองคนจึงถือโอกาสนี้เสนอเรื่องการจัดตั้งแผนกใหม่สำหรับ “โปรไฟเลอร์”

บังกีฮุนออกจากเรือนจำและกลับไปขายรามยอนตามเดิม ฮายองแวะไปกินที่ร้านของเขา กีฮุนไม่เก็บค่าอาหารและขอบคุณที่ฮายองสามารถจับคนร้ายตัวจริงได้ กีฮุนที่เป็นเพื่อนสมัยมัธยมของฮายองบอกว่า แม้ฮายองจะเย็นชาและดูเหมือนไม่สนใจใครแต่ลับหลังแล้วก็ไม่เคยละเลยที่จะใส่ใจคนรอบข้างเลย

กุกยองซูโน้มน้าวฮายองอีกครั้งในการเป็นโปรไฟเลอร์ โดยใช้เหตุการณ์ที่เขาไปเยี่ยมยางยงชอลมาเป็นกรณีตัวอย่างในการวิเคราะห์พฤติกรรมของอาชญากรต่อไป และเพื่อเป็นข้ออ้างที่จะสยบข่าวลือว่าคนร้ายตัวจริงถูกจับได้เพราะการวิเคราะห์ของเขาจริงๆ ไม่ใช่เพราะยางยงชอล ต่อมาฮายองเก็บของส่วนตัวเพื่อย้ายไปทำงานที่ใหม่ในตำแหน่งโปรไฟเลอร์ มีคดีใหม่เกิดขึ้นเมื่อเด็กหญิงคนหนึ่งหายตัวไปจากการถูกคนร้ายล่อลวง