สปอยล์ Through the Darkness ตอนที่ 3
จองอูจูเป็นนักวิเคราะห์สถิติและเข้าร่วมทีมวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากรกับฮายองและยองซู ซูฮยอนเด็กหญิงวัยห้าขวบหายตัวไปเป็นอาทิตย์แล้ว แต่ตำรวจก็ยังไม่พบเบาะแส ฮายองและยองซูไปสัมภาษณ์นักโทษจางดึกโฮที่เรือนจำเพื่อศึกษาจิตวิทยาของอาชญากร จางดึกโฮเป็นฆาตกรที่ฆ่าแฟนสาวของตัวเองอย่างโหดเหี้ยมเมื่อหกปีก่อนและหั่นศพของเธอออกเป็นชิ้นๆ ฮายองต้องการคำตอบของอาชญากรที่ผิดไปจากแฟ้มคดีเพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อมูล
คุณป้าอีชุนยองซึ่งเป็นคนเก็บขยะพบชิ้นส่วนแขนและขาของหนูน้อยซูฮยอนถูกหั่นเป็นชิ้นๆ อยู่ในถุงขยะสองชั้น ต่อมาเจ้าหน้าที่พบส่วนศีรษะและลำตัวถูกทิ้งอยู่บริเวณใกล้เคียง ยุนแทกูเป็นหัวหน้าทีมหน่วยอาชญากรรมพิเศษและรับผิดชอบสืบสวนคดีนี้ ชเวยุนจีเป็นนักข่าวมือใหม่และพยายามหาข้อมูลจากจองอูจูซึ่งเป็นเพื่อนของเธอ ฮายองและยองซูอยากช่วยยุนแทกูสอบสวนคดีหนูน้อยซูฮยอน เพราะพวกเขาเพิ่งไปสัมภาษณ์จางดึกโฮฆาตกรฆ่าหั่นศพ แต่หัวหน้าฮอกิลพโยบอกว่ามันเร็วเกินไป เพราะคนอื่นยังไม่รู้จักทีมวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากรที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่ ยองซูและฮายองตัดสินใจไปหายุนแทกูเพื่อขอรายงานการสืบสวนคดีและขอเข้าร่วมการสืบสวน แต่เธอปฏิเสธและไม่สนใจการวิเคราะห์ของพวกเขา ถึงแม้ฮายองจะวิเคราะห์ว่าฆาตกรในคดีนี้ไม่ใช่ผู้ป่วยทางจิตก็ตาม
อินทัคซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้องของยองซูบอกว่าขณะที่พบชิ้นส่วนของหนูน้อยซูฮยอนนั้น สภาพยังถูกแช่แข็งอยู่และถูกหั่นอย่างประณีต หลังจากนั้นยองซูจึงแอบถ่ายรูปในแฟ้มคดีที่อินทัคแอบนำมาให้ดู ฮายองกลับไปหาจางดึกโฮอีกครั้งเพื่อสัมภาษณ์เพิ่มเติมและได้รู้ว่าสาเหตุที่เขาต้องหั่นศพเป็นชิ้นเพราะไม่สามารถแบกศพขนาดใหญ่ไปซ่อนที่อื่นได้
จากรูปถ่ายที่ยองซูได้มา ฮายองวิเคราะห์ว่าคนร้ายต้องเคยชินกับการหั่นของ และงานที่ใช้ทักษะประเภทนั้นก็อาจจะได้แก่คนงานโรงฆ่าสัตว์หรือคนขายเนื้อซึ่งมักจะใส่ถุงสองชั้น แต่เมื่อเปรียบเทียบเวลาการตายของเหยื่อแล้ว ตรงกับเวลาซึ่งทุกคนต้องทำงาน ดังนั้นก็อาจเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจจะเป็นคนตกงาน ในขณะที่ยุนแทกูคิดว่าคนร้ายน่าจะเป็นผู้ป่วยจิตเวช
ฮายองไปที่สวนสาธารณะที่เด็กหายตัวไปในตอนกลางวัน เขาวิเคราะห์ว่าคนร้ายน่าจะอาศัยอยู่ในพื้นที่และเป็นคนที่ไม่มีตารางงานตายตัว เจ้าหน้าที่พบรอยที่แผ่นหลังของศพซูฮยอนซึ่งน่าจะเป็นรอยจากชั้นแช่แข็ง และกุกยองซูก็คือคนที่พบเบาะแสนี้ จากนั้นยุนแทกูจึงร่วมมือกับทีมวิเคราะห์ของยองซู โดยช่วยกันกระจายกำลังสืบสวนตามร้านขายของเก่าและเครื่องใช้ไฟฟ้า
ฮายองและยองซูไปพบกับเถ้าแก่อูซองซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายของเก่าและรู้รายละเอียดของตู้เย็นทุกรุ่น จนกระทั่งรู้ว่าคนร้ายใช้ตู้เย็นรุ่นใดแช่ชิ้นส่วนศพของซูฮยอน ในขณะที่ยุนแทกูก็ได้รับแจ้งว่ามีคนพบซากศพบางส่วนของเด็กอยู่ในห้องน้ำของโรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่ง ทุกคนจึงตรงไปที่นั่นและพบเสื้อผ้าของซูฮยอนถูกพับไว้อย่างเป็นระเบียบอยู่ใต้ที่นอน เจ้าของบอกว่าผู้เช่าห้องนี้คือชายอายุประมาณสี่สิบปีที่แต่งกายด้วยชุดกรรมกรทั่วไป
จากหลักฐานต่างๆ และผลการชันสูตรศพ ฮายองวิเคราะห์ว่าคนร้ายคือคนที่ทำงานหั่นอาหารแช่แข็ง ซึ่งพนักงานขายมักจะติดนิสัยห่อสินค้าด้วยถุงพลาสติกสองชั้น คนร้ายน่าจะเคยมีประวัติขายอาหารแช่แข็งหรือกำลังทำงานอยู่ที่ร้านขายเนื้อหรือร้านขายปลา ถ้าหากหั่นศพหลังจากแช่แข็งแล้วแปลว่าคนร้ายหมดเวลาไปเยอะ คนร้ายอาจจะอยู่คนเดียวหรือทำงานคนเดียวและเป็นคนที่รักความสะอาด ถ้าค้นบ้านคนร้าย บ้านก็จะสะอาดเรียบร้อย อาวุธที่ใช้ก็จะถูกเก็บอย่างเป็นระเบียบเช่นกันการลักพาตัวเด็กนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเด็กอาจจะร้องและต่อสู้ขัดขืน ดังนั้นสถานที่เกิดเหตุและที่อยู่ของคนร้ายอาจอยู่ในระยะที่เดินได้จากจุดที่เหยื่อหายตัวไป จากการสืบสวนตามร้านขายเรื้อต่างๆแล้วไม่พบเบาะแสอะไร จึงเป็นไปได้ว่าคนร้ายเคยมีประวัติทำงานร้านขายเนื้อซึ่งไม่อยู่ที่ใดนานๆ และเปลี่ยนงานบ่อย จากนั้นทีมสืบสวนจึงต้องเริ่มสืบจากผู้กระทำความผิดทางเพศที่ก่อคดีกับผู้เยาว์และพ้นโทษออกมาแล้ว โดยหาชายอายุราวสี่สิบต้นๆซึ่งอาศัยอยู่คนเดียวในละแวกที่เกิดเหตุ
เมื่อเจ้าหน้าที่พบว่ามีชายสี่คนซึ่งไม่มีข้อมูลในฐานประวัติอาชญากรรมและแจ้งย้ายที่อยู่ภายหลัง ระบบจึงค้นหาไม่เจอและตกสำรวจ พวกเขาจึงแยกย้ายกันค้นหา ฮายองไปที่คลังสินค้าแห่งหนึ่งซึ่งมีบ้านหลังเล็กๆและข้าวของถูดจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ที่นี่เป็นสถานที่ที่พบชิ้นส่วนของศพเป็นที่แรก ฮายองยังไม่พบผู้ที่อยู่ในบ้านหลังนี้และรีบโทรบอกยุนแทกู