สปอยล์ train ตอนที่ 11
ซอคยองไปเยี่ยมสายสืบแจฮยอกซึ่งได้รับการผ่าตัดที่ขา จากเหตุเพลิงไหม้ที่โกดังร้าง ซึ่งเคยเป็นของพ่อซอกมินจุน สายสืยคังจุนยองคิดว่ามินจุนพยายามทำลายหลักฐาน และไม่มีใครพบศพของฮวังฮีคยองที่นั่น ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น หัวหน้าโอมีซุกก็นำกระเช้าผลไม้มาเยี่ยมแจฮยอกเช่นกัน ซอคยองกังวลใจที่ติดต่อโดวอนไม่ได้ และไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน
ซอกมินจุนหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นข่าวไฟไหม้โกดังร้าง และคิดว่ามันคือคำตอบของโอมีซุกในสิ่งที่เขาเคยถามเธอเมื่อตอนอยู่ในห้องสอบสวน
ซอกมินจุนโทรหาโอมีซุก เธอบอกว่าคำตอบของเธอจะไม่เปลี่ยนแปลง และจะยอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อปกป้องเขา แต่มินจุนบอกว่านั่นไม่ใช่คำตอบที่เขาต้องการ ขณะนั้นเองโอมีซุกได้ยินคังจุนยองบอกซอคยองว่า รถของโดวอนจอดทิ้งไว้ที่สถานีอิลซอง เมื่อเห็นสองคนนั้นรีบไปที่นั่น มีซุกจึงโทรหานักข่าวพัค เพื่อให้ลงข่าวเรื่องรถไฟที่เสื่อมสภาพของสถานีมูคยอง
ในโลกที่หนึ่ง โดวอนได้รับบาดเจ็บและนอนสลบอยู่ข้างกระเป๋าใส่ศพที่ถูกโยนลงมา จากนั้นอีจองมินไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล เธอต่อว่าที่จู่ๆก็หายตัวไปและบาดเจ็บกลับมา โดวอนต้องการตามหาตัวโอมีซอก แต่เธอลาออกไปแล้วโดยอ้างว่ามีปัญหาสุขภาพ ขณะที่หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวว่าพบศพที่เจ็ด ที่สถานีรถไฟมูคยอง ทั้งสายสืบแจฮยอกและสายสืบคิมจินอูต่างก็แปลกใจที่โดวอนกลับมา โดวอนไปหามีซุกที่บ้านแต่ไม่พบใครนอกจากรูปที่เธอถ่ายคู่กับมินจุนตอนด็ก เขาเพิ่งรู้ว่าเธอโกหกเขามาตลอดสิบสองปี โดวอนกลับไปที่สถานีรถไฟมูคยองอีกครั้งขณะที่ฝนกำลังตก แต่ทว่าไม่มีรถไฟขบวนนั้นมา
ในโลกที่สอง ซอคยองนึกได้ว่าเมื่อคืนนี้ฝนตกและโดวอนหายตัวไป เมื่อเช็คสภาพอากาศและรู้ว่าช่วงนี้ฝนจะตกทุกวัน เธอจึงไปที่สถานีรถไฟอิลซอง เพื่อรอรถไฟขบวน 8210 ขณะที่รออยู่นั้น เธอดูรูปคู่ของตัวเองในโลกที่หนึ่งซึ่งถ่ายกับโดวอน และนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและเขาตั้งแต่วันแรกที่โดวอนมาถึงโลกที่สอง เมื่อเห็นรถไฟกลับมาที่สถานีเป็นขบวน 8311 ซอคยองจึงไปสอบถามและรู้ว่าหนังสือพิมพ์ออกข่าวโจมตีเรื่องการใช้รถไฟที่เสื่อมสภาพขบวน 8210 ซึ่งกำลังจะถูกโละทิ้งในวันพรุ่งนี้ จากนั้นเธอจึงไปปรึกษาอีจองมินว่าโดวอนหายตัวไปและรถไฟกำลังจะถูกโละทิ้ง
ในโลกที่หนึ่งโดวอนบอกอีจองมินว่า เขารู้ว่าใครยิงซอคยอง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ ซึ่งคราวนี้เขาต้องการหยุดคนร้าย แต่ว่าไม่สามารถหาทางกลับไปที่นั่นได้ อีจองมินไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาบอก และได้นำเอกสารทะเบียนบ้านของโอมีซุกมาให้โดวอน เขาจึงรู้ว่ามินจุนคือลูกชายของโอมีซุก และรีบไปที่บ้านเดิมของเธอตามที่อีจองมินบอก
โอมีซุกเปิดแก๊สทิ้งไว้ทั่วบ้าน เพราะต้องการตายพร้อมกับมินจุนลูกชายของเธอซึ่งเป็นเจ้าชายนิทรา เธอถอดสายออกซิเจนของลูกออกและร้องเพลงกล่อมก่อนที่เธอจะสลบไป เมื่อโดวอนมาถึง เขาจึงรีบปิดแก๊สและเปิดหน้าต่างทุกบานเพื่อระบายอากาศ จากนั้นก็สวมออกซิเจนให้มินจุน เมื่อโอมีซุกฟื้นขึ้นมา เธอคุกเข่าต่อหน้าโดวอนซึ่งกำลังต่อว่าเธอ โดวอนเข้าใจแล้วว่าคนที่มีซุกปกป้องมาตลอดสิบสองปีก็คือมินจุน เธอจึงเล่าเรื่องราวให้เขาฟัง
ตอนนั้นเธอตั้งท้องกับผู้ชายที่แต่งงานแล้วและตั้งใจจะเลี้ยงลูกด้วยตัวเองโดยไม่ลังเล และไม่รู้ว่าในชีวิตเธอจะมีอะไรรออยู่ ขณะที่เล่า โอมีซุกก็มีอาการมือสั่นจากโรคฮันติงตันเช่นกัน และเรื่องราวก็เกิดขึ้นหลังจากที่แม่ของเธอเสียไป ตอนนั้นเธอเพิ่งรู้ว่ามันคือโรคร้ายทางพันธุกรรมซึ่งถ่ายทอดมายังตัวเธอและมินจุน เธอไม่กล้าดูแลเขาเพราะกลัวอาการที่จะแสดงออกมาได้ทุกเมื่อ มินจุนจึงคิดว่าเธอทิ้งเขาไป หลังจากเกิดคดีฆาตกรรมพ่อของซอคยอง เธอได้พบขวดยาเตตราเบนาซีนของมินจุนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ เขายอมรับว่าเป็นคนลงมือฆ่าและจงใจทิ้งขวดยาไว้เพื่อให้เธอมาหาเขา มินจุนให้เธอเลือกระหว่างการเป็นตำรวจหรือทำหน้าที่แม่แม้เพียงสักครั้ง
วันหนึ่งขณะที่ตอนนั้นอีซองอุคกำลังขับรถและบอกว่าจะมอบตัวกับตำรวจและจะเล่าความจริงทุกอย่างว่ามินจุนทำอะไรไปบ้าง ทำให้มินจุนไม่พอใจและพยายามแย่งพวงมาลัยรถจนเกิดอุบัติเหตุกลายเป็นเจ้าชายนิทรา
โดวอนเสียใจและต่อว่าที่เธอหลอกเขามาถึงสิบสองปี โอมีซุกจึงบอกว่าตอนที่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป มันก็สายเกินไปแล้ว ก่อนที่จะกลับไป โดวอนบอกเธอว่าไม่สมควรตาย เพราะต้องอยู่แบกรับความเจ็บปวดในนรกที่เธอเลือกเดินลงไปเอง เมื่อแจฮยอกและจุนยองตามมาพบโดวอนที่หน้าบ้านของมีซุก เขาจึงบอกว่าคนร้ายคดีฆาตกรรมต่อเนื่องเมื่อสิบสองปีก่อน อยู่ในบ้านหลังนี้ และสั่งให้หาเครื่องประดับที่หายไปให้เจอเพราะหัวหน้าโอมีซุกรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน จากนั้นเขาบอกสายสืบทั้งสองคนว่า ต้องกลับไปช่วยสารวัตรฮันซึ่งกำลังตกอยู่ในอันตราย ซึ่งแจฮยอกในโลกที่หนึ่งนี้ไม่รู้ว่าสารวัตรฮันคือใคร
โดวอนไปที่สถานีมูคยองเพื่อหาทางกลับไปโลกที่สอง ทั้งโดวอนและซอคยอง ต่างก็กำลังเดินอยู่ที่รางรถไฟในเวลาเดียวกัน เพียงแต่ต่างโลกกัน จึงไม่สามารถโทรหาหรือมองเห็นกันได้ ทั้งๆที่เดินสวนทางและเรียกชื่อของกันและกัน
ซอคยองไปหาซอกมินจุนที่คลินิก และบอกว่าเธอรู้ว่าใครคือเป้าหมายคนสุดท้ายของเขา โดยที่ยังไม่รู้ว่าเขาคือลูกชายของโอมีซุก ซอคยองประติดประต่อเรื่องราวปมชีวิตของเขาได้ทั้งหมดตั้งแต่วัยเด็กที่โดนแม่ทิ้งไป จนกระทั่งคนไข้ที่โดนฆ่าก็เพราะเขาเห็นแม่ตัวเองในคนไข้เหล่านั้น เพราะแท้ที่จริงแล้วเขาต้องการฆ่าแม่ตัวเอง เมื่อมินจุนแน่ใจว่าซอคยองยังไม่รู้ว่าแม่ของเขาคือใคร เขาจึงเล่นเกมกับเธออีกโดยให้ดูแหวนในกล่องซึ่งเป็นของแม่ที่ทำให้เขาเป็นโรคร้ายนี้ และท้าทายว่าซอคยองจะหาแม่ของเขาเจอก่อน หรือว่าเขาจะฆ่าแม่ของตัวเองได้ก่อน จากนั้นเธอสั่งให้สายสืบคังจุนยองคอยจับตาดูมินจุนอยู่ที่ด้านนอก มินจุนส่งคลิปเสียงร้องขอชีวิตของเหยื่อไปให้โอมีซุกฟัง และบอกเธอว่าหากต้องการหยุดเขาก็ให้ไปพบกันที่บ้าน มินจุนอาศัยตอนที่คังจุนยองละสายตา ออกมาชกเขาจนสลบก่อนที่จะขับรถออกไป
ซอคยองกลับมาที่ ส.น.และเห็นมีซุกรีบร้อนขับรถออกไป ขณะที่เจ้าหน้าที่นิติเวชพบโครงกระดูกและซากรถ ซึ่งไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน เขาพบกระสุนและบั้งของตำรวจระดับผู้กำกับตกอยู่ในรถ ซึ่งเชื่อว่าเป็นการฆาตกรรม
เจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์นำเอกสารรายชื่อคนไข้โรคฮันติงตันมาให้โดวอน แต่เมื่อไม่พบเขาจึงฝากไว้กับซอคยอง เธอจึงรู้ความจริงจากเอกสารใบนั้นว่าซอกมินจุน ก็คือโอมินจุนลูกชายของโอมีซุก
ระหว่างที่โอมีซุกกำลังขับรถไปหามินจุนที่บ้านเก่า และนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เข้าไปช่วยปลดเชือกที่เขาผูกคอตาย เธอจึงบอกตัวเองว่าจะยอมแลกทุกอย่างเพื่อปกป้องเขาไม่ว่าจะกี่ครั้งกี่หนก็ตาม
ซอคยองติดต่อโอมีซุกไม่ได้จึงรีบขับรถตามไปที่อินนัม และขอกำลังเสริมจากตำรวจท้องที่ โดยบอกว่าคนร้ายกำลังอยู่ที่นั่น เมื่อซอคยองมาถึงจึงรีบวิ่งเข้าไป ขณะที่โอมีซุกกำลังเผชิญหน้ากับมินจุนซึ่งกำลังนั่งรออยู่
โดวอนรีบขับรถไปที่สถานีรถไฟมูคยองเพื่อหาทางกลับไปช่วยซอคยอง เขาโทษตัวเองว่าควรจะรู้ตัวให้เร็วกว่านี้ โลกที่ทับซ้อน โชคชะตาที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และคนที่ส่งเธอไปตายอีกครั้งก็คือเขาเอง