สปอยล์ train ตอนที่ 9
ก่อนที่โดวอนจะมาพบศพพ่อและสารวัตรใหญ่ จิตแพทย์ซอกมินจุนมาถึงก่อน เพื่อดูว่าเหยื่อตายสนิทแล้วหรือไม่ ซอกมินจุนพบสร้อยของตนเองตกอยู่ข้างๆ สารวัตรใหญ่ และก่อนที่เขาจะบีบคอให้ตาย สารวัตรใหญ่บอกว่าว่าถึงเขาจะไม่ได้เป็นคนจับหมอเข้าคุก แต่มันจะยังไม่จบ เพราะสุดท้ายเขาก็ต้องจับให้ได้ ซึ่งหมายถึงโดวอนอีกคนนั่นเอง
ซอคยองตามมาและแปลกใจที่เห็นทั้งศพสารวัตรใหญ่ และโดวอนอีกคนหนึ่งอยู่ตรงนั้น
โอมีซุกไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก่อนที่โดวอนจะเล่าทุกอย่าง เขาเกิดอาการวิ้งในโสตประสาทและนึกถึงภาพในวัยเด็กตอนที่พ่อประสบอุบัติเหตุ ก่อนที่จะเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร
เมื่ออีจองมินมาถึงห้องเก็บศพ ซอคยองขอให้อีจองมินตรวจสอบลายนิ้วมือจากศพของสารวัตรใหญ่ เพราะอยากรู้ว่าเขาเป็นใครกันแน่ แต่อีจองมินซึ่งยังอยู่ในอาการช็อก ซอคยองจึงลงมือสแกนลายนิ้วมือ และได้ข้อมูลว่าเขาคือสารวัตรใหญ่ซอโดวอน เมื่อโดวอนเปิดประตูเข้ามา ซอคยองจึงกระชากเขามาถามว่าเป็นใครกันแน่ เมื่อตัวจริงได้ตายไปแล้ว โดวอนบอกว่าเป็นตัวเขาทั้งสองคน และสแกนลายนิ้วมือตัวเองต่อหน้าอีจองมินและซอคยอง และผลก็ออกมาตรงกันว่าคือซอโดวอนเช่นกัน
โดวอนเล่าให้ทั้งสองคนฟังถึงโลกที่หนึ่งซึ่งเขาอาศัยรถไฟสายมูคยองมายังโลกที่สอง แต่ว่าไม่มีใครเชื่อ เขาจึงให้อีจองมินดูรอยแผลเป็นที่แขนสมัยเรียนมัธยม เพราะตอนนั้นจองมินเป็นคนพาเขาไปโรงพยาบาล เขาเล่าว่าเมื่อสิบสองปีก่อนตอนที่แยกออกเป็นสองโลก ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
จองมินไม่เข้าใจและไม่เชื่อในสิ่งที่เขาบอก แต่โดวอนบอกว่าทั้งโลกที่หนึ่งและโลกที่สอง เธอเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเขา จองมินยังคงเสียใจกับการจากไปของสารวัตรใหญ่ และโทษโดวอนว่าการปรากฏตัวของโดวอนนั้น ทำให้สารวัตรใหญ่ต้องกลายเป็นศพนิรนาม ซึ่งจะไม่มีใครรู้ว่าเขาตายไปแล้ว ส่วนซอคยองขอเวลาเพื่อทำความเข้าใจกับเรื่องนี้และคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป เธอกลับมาที่ช่องเก็บศพอีกครั้ง และเห็นร่องรอยเข็มบนร่างของสารวัตรใหญ่ จึงเริ่มทบทวนในสิ่งที่โดวอนพยายามบอกเธอมาตลอด
สายสืบทั้งสองบอกโดวอนว่า ไม่เห็นใครในกล้องวงจรปิดในคืนเกิดเหตุนอกจากพ่อของเขาวิ่งออกมาคนเดียว หมอยืนยันว่าผู้ป่วยระยะสุดท้ายมักจะมีอาการเพ้อคลั่ง และหน่วยจราจรกำลังสืบเรื่องอุบัติเหตุ สายสืบแจฮยอกและสายสืบคังจุนยองแปลกใจที่ไม่เห็นซอคยองมาร่วมงานศพพ่อของโดวอน
ซอคยองไปที่สถานีรถไฟมูคยองและบังเอิญเจอกับหมอซอกมินจุน เขาอ้างว่านำกล่องเครื่องประดับมาคืนเธอ มินจุนแปลกใจที่ซอคยองบอกว่าซอแจชอลตายแล้วจากอุบัติเหตุ แต่เธอไม่เอ่ยถึงสารวัตรใหญ่ซึ่งถูกเขาบีบคอจนตาย ซอคยองไปหาเจ้าหน้าที่ที่ทำคดีชนแล้วหนี โดยนำเมโมรี่การ์ดของรถที่จอดอยู่บริเวณนั้นไปให้เขาตรวจสอบ
โอมีซุกและสายสืบทั้งสองเดินออกจากงานศพของซอแจชอล และสวนทางกับหมอมินจุนซึ่งกำลังเดินเข้าไป มินจุนตกใจเมื่อเห็นโดวอนออกมาต้อนรับ และเกิดอาการมือสั่นขณะที่จุดธูปเคารพศพ จนทำให้ธูปในมือหล่น เขาพยายามควบคุมตัวเองเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต มินจุนถามตัวเองว่าทำไมโดวอนยังไม่ตาย และทำไมถึงจำไม่ได้ว่าเขาเป็นคนบีบคอ ทำให้เขานึกถึงคำพูดของสารวัตรก่อนตายว่า สุดท้ายเขาจะเป็นคนจับมินจุนเอง สายสืบแจฮยอกโทรแจ้งโดวอนว่าจับตัวคนที่ชนแล้วหนีได้แล้ว โดวอนจึงตามไปที่สถานี แต่คนขับพยายามใช้กรรไกรจี้คอตัวเอง โดวอนต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อคนขับคนนั้นคือพัคแทคยอง คนร้ายซึ่งเขาเคยตามไล่ล่าจนไปพบโครงกระดูกมนุษย์ครั้งแรกในโลกที่หนึ่ง และเป็นแฟนของอีจียองในโลกที่สองซึ่งตำรวจคิดว่าหายตัวไป แต่ที่จริงเธอไปอยู่กับพัคแทคยอง พัคแทคยองให้การว่าเขาไม่ได้ตั้งชน”ทั้งคู่” เพราะกินยาระงับประสาทก่อนขับรถ หลังจากนั้นเขาจอดรถและย้อนไปดู จึงเห็นชายคนหนึ่งกำลังบีบคอสารวัตร ซึ่งเขาไม่เห็นหน้า แจฮยอกแปลกใจที่ว่ามีคนตายสองคน แต่เจ้าของคดีบอกว่า พัคแทคยองมักพูดจาเหลวไหลและคงเห็นภาพหลอนไปเองว่ามีคนตายสองคน
จองมินยังคงเสียใจอยู่ที่หน้าช่องเก็บศพของสารวัตรใหญ่ เมื่อโดวอนมาถึงและเปิดดูศพ จึงเห็นรอยช้ำที่ลำคอของสารวัตร จองมินบอกว่าเป็นรอยรัดคอ โดวอนจึงบอกว่าคนร้ายตามล่าพ่อของเขาจึงได้อยู่บนถนนเส้นนั้น และเป็นฆาตกรคนเดียวกับคดีฆาตกรรมเมื่อสิบสองปีก่อน
ซอคยองมางานศพและบอกโดวอนว่าเธอไม่สนใจเรื่องตัวตนที่แท้จริงของเขา และอยากรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่อจับคนร้าย โดวอนบอกเธอว่า คนรักของเขาถูกฆ่าตายเพราะเห็นหน้าฆาตกร เช่นเดียวกับอีจินซอง และคนร้ายได้ฆ่าพ่อของเขาถึงสองครั้งทั้งในโลกที่หนึ่งและสอง ซึ่งซอคยองไม่เข้าใจ โดวอนจึงอธิบายว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ และรู้สึกกลัวการสูญเสีย เพราะเรื่องเดิมๆที่เกิดขึ้นซ้ำๆ เขาตั้งใจว่าจะหยุดฆาตกรคนนี้ให้ได้ ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
ขณะที่หมอมินจุนกำลังครุ่นคิด เพราะแน่ใจว่าบีบคอสารวัตรใหญ่จนตายไปแล้ว ทันใดนั้นโดวอนก็มาหาเขาเพื่อปรึกษาว่าพ่อของเขาไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุและกำลังสืบสวนอยู่ เพราะคนเดียวที่อยากทำร้ายพ่อก็คือคนที่ไม่ต้องการให้พ่อได้ความทรงจำกลับคืนมา ส่วนเรื่องสะกดจิตเรียกความทรงจำกลับคืน ก็มีเพียงเขา ซอคยอง และหมอมินจุนเท่านั้นที่รู้เรื่อง โดวอนจึงอยากรู้ว่าเรื่องนี้รั่วไหลออกไปจากไหนและถึงใคร มินจุนจึงให้โดวอนดูข่าวที่มีคนตีพิมพ์ก่อนที่จะทำการสะกดจิต จึงไม่ถือว่าเป็นการรั่วไหล แต่ไม่ได้มีการปกปิดตั้งแต่แรก ก่อนขอตัวกลับ โดวอนแปลกใจที่หมอมินจุนถามเขาว่ามีพี่น้องหรือเปล่า โดยอ้างว่าเคยเห็นคนหน้าเหมือนเขา โดวอนบอกตัวเองว่าหมอมินจุนเห็นสารวัตรใหญ่ซึ่งเป็นตัวเขาอีกคน
จองมินนำเครื่องประดับทั้งหมดของแม่ซอคยองมาคืนเธอ หลังจากที่ตรวจสอบทุกอย่างแล้ว ซอคยองบอกจองมินว่าเธออยากจะเชื่อโดวอนเรื่องโลกอีกใบหนึ่ง เพราะต้องการเจอพ่อแม่ซึ่งจากไปแล้ว ยังอยู่สบายดีที่โลกใบนั้น แม้เพียงสักครั้งก็ยังดี ส่วนจองมินบอกว่าเธอไม่สามารถยอมรับโดวอนคนนี้ได้โดยง่าย เพราะไม่ใช่สารวัตรใหญ่คนรักของเธอ ซอคยองจึงบอกจองมินว่าตอนนี้เธอเริ่มเข้าใจความรู้สึกของโดวอนที่เคยบอกว่า ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็ตาม แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา
หมอมินจุนโทรถามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคฮันติงตัน เพราะไม่แน่ใจอาการของตัวเองว่าสมองเสื่อมหรือไม่ เพราะเห็นคนที่ตายไปต่อหน้า แต่ยังมีชีวิตอยู่ในวันรุ่งขึ้น และไม่แน่ใจว่าของที่เคยทำหายและได้คืนมาเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า เขาอยากรู้ว่าเมื่อเริ่มมีอาการสมองเสื่อมแล้ว จะเหลือเวลาอีกเท่าไร
ซอคยองตรวจสอบพบว่าตัวเลขจำนวนเครื่องประดับของแม่ ไม่ตรงกับแฟ้มคดี เมื่อโดวอนโทรมา เธอจึงถามเรื่องคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในโลกที่หนึ่งซึ่งพบเครื่องประดับแค่หกชิ้น แต่ตอนนี้เธอได้รับคืนมาเพียงห้าชิ้น จึงสงสัยว่าฆาตกรจะเก็บไว้เอง โดวอนรู้สึกเป็นห่วงซอคยอง จึงสั่งไม่ให้ทำอะไรคนเดียวและรายงานเขาทุกครั้งว่าจะไปไหนหรือทำอะไร ซอคยองยังถามอีกว่าในโลกที่หนึ่งเขาและเธอรู้จักกันหรือเปล่า และมีคนคอยดูแลเธออย่างที่เขาเคยเล่าให้ฟังไหม คนที่เคยช่วยเธอตอนอายุสิบเจ็ดไม่ให้หลงทาง โดวอนจึงตอบทั้งน้ำตาว่าบางทีเธออาจจะเป็นคนที่อยู่เคียงข้างใครสักคนในโลกใบนั้นก็ได้ คนคนนั้นจึงไม่หลงทาง ซอคยองรู้สึกดีใจที่ได้ยินแบบนั้นและบอกว่าตอนนี้เธอคงกำลังมีความสุขในโลกใบนั้น
เหยื่อรายหนึ่งกำลังเดินอยู่คนเดียวกลางซอยเปลี่ยว และรู้สึกหวาดกลัวเมื่อไฟฟ้าดับ จากนั้นมินจุนเข้ามารัดคอเธอ และบันทึกเสียงไว้ เขาถามเธอว่าก่อนตายรู้สึกอย่างไร เพราะเขาเองรู้สึกอย่างนั้นมาตลอดและเห็นจุดจบของตัวเอง จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ขาดใจตาย มินจุนพูดกับเหยื่อที่ตายแล้วว่า อย่าเศร้าใจเพราะเธอใช่คนแรก และยังเหลือคนสุดท้ายอีกคนหนึ่ง ซึ่งเขาน่าจะฆ่าเป็นคนแรกด้วยซ้ำ จากนั้นเขาก็ใช้ฆ้อนทุบกะโหลกของเหยื่อ และคิดว่าการฆ่าเหยื่อรายสุดท้ายจะต้องแตกต่างจากรายอื่นๆ มินจุนเปิดกล่องเล็กๆซึ่งมีเครื่องประดับและยาหนึ่งเม็ดอยู่ในนั้น ก่อนที่จะโทรหาซอคยอง
ในวัยเด็กขณะที่มินจุนยืนตกใจเมื่อเห็นแม่ตัวเองกำลังจะตายเพราะเป็นโรคฮันติงตัน จนกระทั่งมีเด็กผู้ชายอีกคนสวมสร้อยคอเส้นนั้นให้เขาและกอดปลอบโยน
จากคดีของเหยื่อรายล่าสุด ในที่ประชุมคดีคนหาย เหยื่อแต่ละรายมีวงจรชีวิตที่แตกต่างกัน โดวอนมีความเห็นว่าเหยื่อทุกรายต้องมีจุดร่วมที่ตกเป็นเป้าของคนร้าย เพราะแต่ละรายเสียชีวิตบริเวณแถวบ้านหรือที่ทำงาน และคนร้ายต้องรู้เรื่องของเหยื่อแต่ละคนเป็นอย่างดี ฉะนั้นไม่น่าจะใช่การฆาตกรรมต่อเนื่องที่เกิดจากฆาตกรโรคจิต แต่ในช่วงเวลานั้น คนร้ายคงเจอเหตุผลที่จะฆ่า สายสืบแจฮยอกเห็นด้วยอย่างที่อีซองอุคเคยบอกไว้ว่า เป็นการฆาตกรรมที่ไม่ได้วางแผนไว้ คนร้ายจึงมีเหตุผลในการเลือกเหยื่อ โดวอนประเมินว่าคนร้ายอายุราวสามสิบและอาศัยอยู่แถวนี้ เป็นไปได้ว่าคนร้ายเรียนโรงเรียนเฉพาะทางเช่นโรงเรียนสอนภาหรือวิทยาศาสตร์ และตอนนี้เป็นมนุษย์เงินเดือนซึ่งกำลังป่วยด้วยโรคที่หายาก หากเจอยาที่เขากินก็จะเปิดโปงตัวตนได้โดยง่าย ระหว่างการประชุม ลูกสาวของเหยื่อรายล่าสุดมาขอรับทรัพย์สินของเหยื่อคืน เธอเสียใจที่ยังไม่พบศพของแม่นอกจากกระเป๋าถือซึ่งเธอใส่ยาไว้ให้แม่ เพราะแม่เป็นโรคตื่นตระหนก โดวอนจึงให้แจฮยอกหาข้อมูลของเหยื่อที่ใช้ยาออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท จากนั้นจึงแจ้งโดวอนว่าเหยื่อทุกรายมีประวัติเข้าพบจิตแพทย์คนเดียวกันคือซอกมินจุน อายุ 34 ปี และจบโรงเรียนมัธยมปลายวิทยาศาสตร์ฮันยาง
โดวอนรีบไปเอาผลตรวจดีเอ็นเอ จากเล็บของสารวัตรใหญ่ซึ่งมีเซลส์ผิวหนังและเลือดติดอยู่ที่ซอกเล็บ และก้านธูปที่หมอมินจุนเคยทำตกไว้ตอนไปเคารพศพพบว่าเหงื่อที่ติดก้านธูป มีตัวยาเตตราเบนาซีนของคนไข้โรคฮันติงตันติดอยู่ ขณะเดียวกันที่ซอคยองไปพบหมอมินจุนที่คลินิก
ซอคยองบอกมินจุนว่า การแก้แค้นคือเหตุผลที่ทำให้เธออยากอยู่ต่อไป และเมื่อจับได้แล้วก็อยากให้ถูกกฎหมายลงโทษ เธอต้องการทำบางอย่างเพื่อซอแจชอล เพราะก่อนตายเขาได้ยกโทษให้เธอแล้ว เมื่อพูดถึงซอแจชอล มินจุนจึงบอกว่าหากไม่ได้ซอแจชอล ป่านนี้เธอคงตายไปแล้ว ซอคยองไม่เข้าใจที่มินจุนพูดและตอบคำถามของเขาในเหตุการณ์วันนั้นเมื่อสิบสองปีก่อน เธอตั้งใจไปร้านหนังสือแต่ก็เปลี่ยนใจกลับบ้านเพราะฝนตกและเธอก็ไม่มีร่ม มินจุนแทรกขึ้นมาว่าคืนนั้นฆาตกรอยู่ในบ้านจนถึงตอนที่ซอแจชอลเข้ามา และถ้าหากเธอกลับบ้านตามปกติ ฆาตกรก็คงฆ่าเธอไปแล้ว และได้นอนอยู่ตรงที่ที่ซอแจชอลสลบอยู่ข้างๆศพพ่อของเธอ มินจุนทิ้งท้ายว่าหากเขาเป็นฆาตกรก็คงทำเช่นนั้น
โดวอนรีบโทรหาซอคยองเพื่อบอกว่ามินจุนคือคนร้ายตัวจริง แต่หมอมินจุนเป็นคนรับสายและบอกว่าหากรู้เร็วกว่านี้พ่อของก็คงไม่ตาย โดวอนเป็นห่วงซอคยองและถามว่าเธออยู่ไหน แต่มินจุนท้าทายให้หาเธอให้เจอ เช่นเดียวกับที่เจอเขา จากนั้นก็ปิดเครื่อง โดวอนสั่งให้แจฮยอกแกะรอยโทรศัพท์ของมินจุนพร้อมทั้งออกหมายจับ แจฮยอกและสายสืบคังตามไปที่คลีนิคแต่ไม่พบใครนอกจากแก้วชาที่เขาชงให้ซอคยองดื่มก่อนหน้านี้
โดวอนไปตามหามินจุนที่นิทรรศการภาพตามที่ได้แกะรอยจนกระทั่งพบ เขาเล็งปืนไปที่มินจุนและถามหาซอคยอง แต่มินจุนยกมือทั้งสองข้างและขอมอบตัวข้อหาฆ่าคนตายหลายคนโดยไม่บอกว่าซอคยองอยู่ที่ไหน..